Saturday, May 30, 2015

NC #พายุสายฝน ตอนที่ 18 รักล้นใจ (สายฝน)


 18. รักล้นใจ (สายฝน)

ผมไม่อาจเปรียบเทียบปริมาณความรักของผมที่มีต่อพายุให้ใครรับฟังได้เลย เพราะตัวผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันมากล้นเพียงใด รู้แค่ว่ามันล้นใจจนไม่อาจจะกักเก็บความปรารถนาและความต้องการที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความรักของผมได้อีกแล้ว

ความอ่อนนุ่มของเตียงนอนช่วยรองรับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผมเอาไว้ ผิวกายของพายุแนบชิดกับผิวกายของผม ร่างกายเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงนอนของเราทั้งคู่ รสจูบแสนดูดดื่มและลึกล้ำดึงเราทั้งสองให้จมดิ่งลงสู่ความปรารถนา ดั่งมีมนตรามาสะกดเราทั้งคู่ให้จมลงสู่ความลึกล้ำของความรู้สึก

ผมค่อยๆ นาบฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลาของพายุ มือหนานาบซ้อนทับหลังมือผมและดึงลงมาจุมพิตแผ่วเบา รอยยิ้มดูดีของพายุทำลายทุกอย่างในใจผมจนหมดสิ้น

ก่อนหน้านี้ผมก็แอบกังวลและแอบคิดอยู่เหมือนกันว่าระหว่างเรานั้นมันจะออกมาในรูปแบบใด แม้ใครต่อใครจะมองว่าผมเหมือนผู้หญิง เป็นคนตัวบางหน้าสวยที่เหมาะจะเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ของพายุ แต่ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งและไม่เคยมีความรักกับผู้ชายมาก่อน

ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะตอบรับความรู้สึกของพายุกลับไปในรูปแบบใด และพายุเองต้องการที่จะให้ระหว่างเรามันออกมาในรูปแบบไหนผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่สายตาของพายุตอบทุกอย่างให้ผมกระจ่างในใจอย่างชัดเจน

มันไม่สำคัญเลยว่าเราจะอยู่ในสถานะใด มันสำคัญที่ว่าเราสองคนรักกันและมีแค่กันเท่านั้น จะต้องไปสนใจทำไมว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน เพราะยังไงซะเราก็ยังคงมีความรักให้แก่กันอยู่ดี

“รู้สึกมั้ย? หัวใจกูเต้นแรงมากเลยนะ” พายุจับมือผมให้นาบลงบนอกด้านซ้ายเปลือยเปล่า มือหนาอีกข้างก็นาบทับลงบนอกซ้ายเปล่าเปลือยของผมเช่นกัน

“หัวใจกูเองก็เต้นแรงไม่ต่างกันหรอกพายุ” ผมยิ้มรับรอยยิ้มอบอุ่นของผู้ชายที่ผมแสนรัก เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยยามใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นรินรดแก้มและซอกคอ ทำให้ผมรู้สึกหวิวไหวได้มากยิ่งขึ้น

“รักว่ะ” ผมไม่อาจตอบคำรักกลับไปเพราะปากหยุ่นแสนนุ่มบรรจงจูบลงบนปากผมอย่างแสนรัก พายุอ่อนโยนกับผมมาก ยิ่งนานวันผมได้รู้จักพายุมากยิ่งขึ้น ได้เห็นในมุมต่างๆ ของพายุอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น พายุเปิดใจให้ผมเข้าไปอย่างไม่คิดปิดกั้นอีกต่อไปแล้ว

“อื้อ...” ผมตอบกลับได้เพียงแค่สั้นๆ เมื่อพายุถอนริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ไม่เคยคิดเลยว่าการได้สัมผัสแนบชิดกับผู้ชายด้วยกันมันจะทำให้รู้สึกสุขล้นได้มากเท่านี้ อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่หัวใจของผมเปิดรับและอยากให้เราทั้งคู่เป็นมากกว่าที่เคยเป็น

เมื่อใจเปิดรับแล้วผมจึงไม่คิดรังเกียจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม ผมกลับอยากให้เราแนบชิดและสานต่อความรู้สึกไปจนถึงฝั่งฝัน ในเมื่อเราจูงมือกันเดินข้ามเส้นกั้นของความสัมพันธ์ไปแล้ว จะเดินย้อนกลับตอนนี้ก็คงไม่ทัน และที่สำคัญยิ่งกว่า เราทั้งคู่คงไม่มีใครเต็มใจจะเดินกลับไปในตอนนี้แน่นอน

พายุถอนริมฝีปากขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มถูกส่งตรงมาให้อีกหน ผมเม้มปากเล็กน้อยยามที่ปากหยุ่นประกบจูบลงบนผิวกายอย่างแผ่วเบา พายุไล่จูบไปทั่วหน้าอกของผม ใช้ปากหยุ่นเม้มเนื้อเบาๆ และเปลี่ยนสัมผัสไปทั่วผิวกาย

ผมไม่สามารถพูดสิ่งใดได้เลย ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่ควรพูดสิ่งใด ยอมรับเลยว่าผมไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ อยากให้พายุทำในสิ่งที่ใจต้องการและสิ่งที่สนองความรู้สึกของผมได้อย่างตรงไปตรงมา

ผมทำได้เพียงใช้นิ้วมือขยุ้มผ้าปูที่นอนยามริมฝีปากประกบจูบลงบนอกด้านซ้าย จูบทับลงบนยอดอกของผมเบาๆ แต่ทำให้ผมสั่นสะท้านอย่างหนัก ผมหายใจติดขัดและพยายามห้ามไม่ให้ร่างกายสั่นสะท้านมากไปกว่านี้

“ทำไมเงียบนักล่ะ...”

“แล้วจะให้กูพูดอะไรล่ะครับ กูรู้สึกสุขล้นจนพูดอะไรไม่ถูกอยู่นะพายุ มึงทำตามที่ใจต้องการต่อเถอะ ปล่อยให้กูจิกหมอนต่อไปเหอะ” ผมหลับตาลงหนีสายตาของพายุ อย่ามาทำให้รู้สึกอยากเป็นบ้ามากไปกว่านี้เลย เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมก็ทรมานใจมากพอแล้ว

“ไม่สมเป็นมึงเลยฝน... แต่แบบนี้ก็น่ารักดีนะ กูชอบทุกอย่างที่มึงเป็น” ผมขยุ้มผ้าและกระตุกอย่างแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงความชื้นและความหยาบของปลายลิ้น พายุลากไล้ลิ้นผ่านยอดอกทั้งสองข้าง เป็นสัมผัสที่ยังดูลังเลอยู่เล็กน้อย ดูประหม่าแต่เจ้าตัวก็พยายามทำให้ผมรู้สึกไม่ขัดอารมณ์

“อืม!” ว่าจะไม่ส่งเสียงร้องออกไปให้อายตัวเอง แต่สุดท้ายก็ห้ามความต้องการไม่ได้จริงๆ สินะ ผมเผลอร้องครางเสียงสั่นเมื่อพายุตวัดลิ้นเลียยอดอกของผมเร็วและรัวมากขึ้นจากเมื่อครู่ แถมยังถูกบดคลึงยอดอกอีกข้างจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

“กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่ามึงจะน่าสัมผัสได้มากขนาดนี้” ผมอยากระเบิดตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอด พายุจะทำให้ผมสั่นไหวได้อีกเท่าไหร่ ทำไมผมถึงได้อยากจะเป็นบ้าเพียงแค่ถูกสัมผัสจากมือและปากของผู้ชายคนนี้ได้ล่ะ

“ไม่เคยรู้ก็รู้ซะสิพายุ...” ผมลืมตาขึ้นมองรอยยิ้มมีเสน่ห์ของพายุ มันเคลื่อนตัวขึ้นมาหาและจ้องมองสบตาอย่างเอาเป็นเอาตาย จะละลายหัวใจผมไปถึงไหนกันนะ

“รู้แล้วล่ะ แล้วก็อยากได้มากกว่านี้ด้วย” ผมถูกคลอเคลียที่ริมฝีปากอีกครั้ง พายุเม้มริมฝีปากผมด้วยปากหยุ่น ประกบจูบลงมาอีกหนอย่างเนิ่นนาน รสจูบแสนฉ่ำหวานช่างทรมานความรู้สึกเสียจริง

จะไม่ทรมานได้อย่างไรในเมื่อพายุเล่นสอดมือเข้าไปในกางเกงและเริ่มต้นลูบไล้ส่วนอ่อนไหวใต้เนื้อผ้าอย่างเบามือ ใช่ว่าเราไม่เคยสัมผัสกันและกันมาก่อน แต่ครั้งนี้มันช่างต่างกันอย่างลิบลับ เพราะสัมผัสของพายุกำลังจะนำพาให้เราทั้งคู่ไปสู่ความสัมพันธ์ที่มากขึ้นอีกระดับ

“อ๊ะ... พายุ” ผมถูกมือหนารูดรั้งส่วนซ่อนเร้นผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วเย้าอารมณ์ ผมเม้มลิ้นสีชมพูดที่สอดเข้ามาในปากและประกบจูบตอบกลับตวัดลิ้นเกี่ยวรัดกับลิ้นพายุอย่างไม่ยอมแพ้ให้ แม้หัวใจจะสั่นไหวขั้นรุนแรงมากก็ตาม

“รู้มั้ยว่ากูจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว” ทำไมผมจะไม่รู้วะ ในเมื่อผมเองก็จะเป็นบ้าตายเหมือนกัน ไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าการถูกคนเพศเดียวกันสัมผัสไปทุกส่วนบนร่างกาย นอกจากจะไม่รู้สึกรังเกียจแล้วยังรู้สึกดีมากจนอยากให้พายุทำมากขึ้นเรื่อยๆ

“รู้สิ! กูเองก็จะบ้าตายอยู่แล้ว” ผมได้แต่กัดปากเมื่อมือหนาค่อยๆ ดึงกางเกงผมลงต่ำพร้อมทั้งกางเกงในที่ถูกเกี่ยวตามลงไปด้วย ยิ่งรู้สึกอยากระเบิดตัวเองตายเมื่อมือหนาลูบไล้จุดอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึกไปมา มันเด่นชัดถึงความต้องการและอารมณ์ของผม มันน่าอายแต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำลงเลย

“ทำหน้าแบบนี้มันทำให้กูยิ่งอยากจะสัมผัสมึงมากยิ่งขึ้นนะฝน อย่าทำหน้าเหมือนอยากจะยั่วกูแบบนี้ได้มั้ย หัวใจกูจะเต้นทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว” ผมห้ามตัวเองได้เสียที่ไหน ห้ามได้ก็ดีสิ นี่จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

“กูจะบ้าตายแล้วพายุ ทำตามใจมึงต่อไปเถอะ อย่าสนใจกูเลย” ผมโบกมือและหลับตาลงเพื่อหลบสายตาของพายุอีกครั้ง ถ้าผมจะระเบิดตัวเองตายมันจะรับผิดชอบมั้ย ผมจะเป็นบ้าตายเพราะว่าคนที่ทำให้ผมสั่นไหวได้รุนแรงคือพายุคนนี้

พายุสัมผัสผมทั้งร่างกาย พายุทำลายทุกอย่างในหัวใจของผมจนหมด ให้ผมทำยังไงก็ได้ขอแค่พายุเอ่ยปากบอกผมก็ยอมให้ได้ทุกอย่าง เพราะรักมาก เพราะแคร์มาก และอยากให้พายุมีความสุขมากๆ อีกด้วย

“ถ้ามึงหลับตามึงก็จะไม่เห็นความรู้สึกทั้งหมดของกูที่ส่งตรงไปให้มึงนะสายฝน ลืมตาขึ้นมารับความรักของกูไปหน่อยนะครับ” ผมลืมตาขึ้นในทันที ดวงตาคมเข้มอยู่ตรงหน้าผมในระยะประชั้นชิด ผมมองเห็นรอยยิ้มและความรู้สึกทั้งหมดจากสายตาของพายุ เราสองคนประกบจูบกันอีกครั้งอย่างโหยหา จูบที่แสนตรึงใจให้เราทั้งคู่ต่างหลงใหลซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น

ผมได้แต่บิดร่างไปมาเมื่อมือหนายังคงสัมผัสอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย พายุขยับมือเป็นจังหวะเนิบนาบในขณะที่ริมฝีปากยังเม้มปากผมและประกบจูบไม่ห่าง

ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้เลย ยิ่งพายุมอบความรักให้ผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากมอบกลับคืนไปให้ได้มากกว่านั้น ผมค่อยๆ สอดมือเข้าไปใต้กางเกงของพายุ สัมผัสส่วนซ้อนเร้นและขยับไปมาเพื่อทำให้พายุมีความสุขดั่งเช่นที่ผมมีความสุขเพราะสิ่งที่พายุมอบให้

ร่างกายของเราเบียดเสียดมอบความอบอุ่นและความร้อนรุ่มให้แก่กัน สายฝนยังโปรยปรายไม่ขาดสาย แต่ความอบอุ่นของร่างกายเราขับไล่ความเย็นฉ่ำของค่ำคืนนี้ไปจนหมด มันร้อนระอุแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในคราเดียวกัน

เป็นเวลาเนิ่นนานที่เราสองคนกอดรัดและสัมผัสกันและกันจนความต้องการเกือบจะสิ้นสุด แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อพายุหยุดการกระทำและขยับตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่าลงบนเตียง ผมมองรอยยิ้มนั่นอย่างเชื่อมั่นและมั่นใจ มองมือหนาที่ดึงรั้งกางเกงผมลงไปจนสุดปลายขาและดึงออกจากร่างกาย ผมเบียดเรียวขาเข้าหากัน ได้แต่มองการกระทำของพายุอย่างรอคอย

“กูรักมึงนะฝน กูไม่คิดบังคับใจมึง ถ้ามึงอยากให้กูทำกูก็จะทำ หรือมึงอยากจะเป็นฝ่ายทำ กูก็จะตามใจมึง... ความรักของกูมันไม่มีข้อแม้ ขอแค่เป็นมึง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรกูก็ยินดีทั้งนั้น” พายุทำให้ผมมีความสุขจนอยากจะรั้งมันลงมากอดแน่นๆ และไม่อยากปล่อยให้มันหลุดพ้นจากอ้อมกอดของผมไปได้

ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะโชคดีได้เท่านี้ ไม่เคยคิดเลยว่าพายุจะรักผมได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้

ถ้าถามว่าผมอยากจะอยู่ในสถานะไหน ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญแล้วล่ะ สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับผมแล้วก็คือความรู้สึกและความสุขของพายุต่างหาก...

ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ร่างกายผมเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิด ถึงผมจะอายแต่ผมก็พยายามไม่อาย มันเป็นความรู้สึกที่ลดหลั่นกันอยู่ระหว่างความอายและความหน้าด้าน ซึ่งแล้วแต่สถานการณ์ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน

ผมจับไหล่พายุและออกแรงดันมันให้หงายลงบนเตียง ใช้นิ้วมือเกี่ยวขอบกางเกงมันลงต่ำ ค่อยๆ ดึงให้ผ่านพ้นส่วนแสดงอารมณ์ของมัน ความต้องการของพายุหลุดพ้นจากสิ่งปกปิด ผมรู้ดีว่าพายุเองก็มีอารมณ์ปรารถนาที่มากล้นไม่ต่างจากผมเลย

“กูโคตรรักมึงเลยว่ะพายุ รักอย่างไม่เคยรักใครได้เท่านี้ และกูก็คิดว่าตัวกูเองคงไม่สามารถรักใครได้เท่าที่รักมึงอีกแล้ว” ผมดึงกางเกงพายุออกจากร่างกาย เท้าแขนข้างหนึ่งลงบนเตียงนอนและโน้มตัวเอื้อมไปหยิบบางอย่างมาจากใต้หมอนทางฝั่งผม

“สายฝน! มึงนี่มัน...” พายุมองสิ่งที่อยู่ในมือผม มันหลุดยิ้มและส่ายหน้าอย่างระอาใจ ผมใช้ปากกัดซองสีเงินและฉีกมันออกอย่างคล่องแคล่ว หยิบมันออกมาและมองสบตากับพายุ ช่วงเวลาต่อจากนี้จะเป็นการระบุสถานะระหว่างเราสองคน และผมไม่ลังเลเลยที่จะทำในสิ่งต่อไปนี้

“ช่วยทำให้ครั้งแรกของกูเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ด้วยนะพายุ” ผมสวมถุงยางให้พายุอย่างไม่ลังเลใจ เป็นการระบุสถานะของผมและมันอย่างชัดเจน ผมคิดดีแล้วว่าสิ่งนี้จะทำให้เราทั้งคู่มีความสุข ความรู้สึกบางอย่างมันไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุและผล มันเป็นความรู้สึกจากหัวใจที่ใช้ตัดสินทุกอย่าง

“คิดดีแล้วใช่มั้ยสายฝน?” ผมพยักหน้ารับและทิ้งตัวลงนอนนาบทับร่างเปลือยเปล่าของพายุ บรรจงประทับริมฝีปากบนแก้มทั้งสองข้างของคนด้านใต้ ความรู้สึกดีก่อเกิดได้เสมอเพียงแค่เราอยู่เคียงชิดใกล้

“เชื่อมั่นในการตัดสินใจของกูนะพายุ กูเชื่อว่ามันจะทำให้เรามีความสุขด้วยกัน” ผมถูกพลิกให้ลงมาอยู่ทางด้านล่าง พายุไล่จูบไปทั่วใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา ผมยินดีรับทุกสัมผัสจากผู้ชายคนนี้ พายุไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง และผมเชื่อว่าพายุจะทำให้ผมมีความสุขได้มากที่สุด

“รักมึงนะฝน บอกรักบ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งเบื่อล่ะ กูอยากบอกความรู้สึกของกูให้มึงได้รับรู้เอาไว้ ไม่ว่าหนาวจะเดินกลับเข้ามาหรือไม่ มันไม่ได้ทำให้ความรักที่กูมีต่อมึงลดลงไปเลย” ผมถูกพายุเกี่ยวนิ้วก้อยด้วยนิ้วของมัน เราสองคนใช้นิ้วหัวแม่มือแตะกันเอาไว้และเกี่ยวก้อยร้อยคำสัญญาที่เรามีให้แก่กัน

“กูสัญญาว่าจะดูแลมึงให้ดีที่สุด ให้มากกว่าความรู้สึกทั้งหมดของกู รักมึงนะสายฝน” พายุก้มลงจูบตรงตำแหน่งหัวใจผมอีกครั้ง เน้นความรู้สึกและคำรักฝังลงไปสู่หัวใจของผม เท่านี้ผมก็ยิ้มโดยไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ง่ายๆ ยิ่งคิดถึงเรื่องราวของเราสองต่อจากวินาทีนี้ไป หัวใจยิ่งสั่นไหวและกระตุกระรัวอย่างน่ากลัวและบ้าคลั่ง

“ไม่ต้องสัญญาหรอกพายุ เพราะกูเชื่อว่ามึงจะทำตามที่มึงพูดได้ กูรับความรู้สึกทั้งหมดของมึงเอาไว้แล้ว มึงเองก็ช่วยรับความรู้สึกทั้งหมดของกูไว้ด้วยนะ” พายุพยักหน้ารับ บนหน้าหล่อเหลาแต้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของพายุดูดีและทำให้ผมมีความสุขเสมอ

พายุไม่ได้พูดอะไรต่อ มือแกร่งจับขาทั้งสองข้างของผมให้ตั้งชันขึ้นและแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางระหว่างขาของผม การกระทำของเราสองคนดูเก้ๆ กังๆ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ ทั้งความเขินอาย ความหวั่นไหว ความรู้สึกมากมายถาโถมใส่เราจนเกือบจะตั้งรับมันเอาไว้ไม่ทัน

“ถ้าเจ็บก็บอกนะ กูจะหยุด...”

“มาถึงขั้นนี้แล้วมึงหยุดไม่ได้แล้วล่ะพายุ เพราะกูเองก็จะไม่หยุดเหมือนกัน ทำตามที่ใจมึงต้องการเถอะ กูพร้อมแล้วว่ะ” ผมจับมือพายุและบีบเบาๆ มันคงกลัวว่าผมจะเจ็บกับสัมพันธ์รักครั้งแรกของเราสอง ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงเพราะผมไม่เคยเป็นฝ่ายรองรับแบบนี้

แต่ไม่ว่าจะเกิดความรู้สึกแบบไหน ผมก็จะไม่ยอมแพ้และจะไม่มีทางหยุดเด็ดขาด เพราะระหว่างเราใช่ว่าจะมีความสัมพันธ์แบบนี้เพียงครั้งเดียวเสียเมื่อไหร่ หลังจากนี้มันอาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นเราสองคนต้องข้ามผ่านครั้งแรกไปด้วยกันให้ได้

ผมสอดมือเข้าไปใต้หมอนตัวเองอีกครั้ง ควานหาบางสิ่งที่ผมแอบเตรียมเอาไว้ โดยไม่เคยบอกให้พายุรับรู้ เพราะผมไม่อยากให้มันคิดว่าผมหวังอะไรจากมัน แม้ว่าจริงๆ ผมก็แอบวาดหวังช่วงเวลาที่เราสองได้เป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเราจะอยู่ในสถานะใดก็เหอะ

แต่ตอนนี้มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว ทั้งความรู้สึก สถานะ และความต้องการของเราทั้งคู่ ผมใช้มือข้างหนึ่งปิดตาเอาไว้ และยื่นขวดใสบรรจุของเหลวเอาไว้ทางด้านใน ได้ยินเสียงพายุหัวเราะก็ต้องแอบเปิดตามองแล้วก็อยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด

“ร้ายนะฝน นี่มีอะไรที่ทำให้กูอึ้งได้อีกหรือเปล่าวะ?” พายุตั้งท่าจะเอื้อมมาดึงหมอนที่ผมนอนหนุน ผมตีมือพายุแล้วนอนมองเพดานห้องอย่างไม่อาจมองสบตากับมันได้อย่างตรงไปตรงมา

“ไม่มีอะไรแล้วเว้ย  มีแค่นี้นี่แหละ กูไม่ได้หื่นนะแต่กูก็หื่นนั่นแหละ อย่ามองหน้ากูได้มั้ยพายุ จะทำอะไรก็ทำสักทีเถอะครับ กูจะบ้าตายจริงๆ แล้วนะเว้ย” ผมตีมือหนาที่เอื้อมมาบีบแก้มผมอย่างแรง มันจับแก้มผมดึงไปมาราวกับว่ามันคือมาชเมลโล่

“ยิ่งมองมึงก็ยิ่งสวยว่ะฝน กูนี่โชคดีจังเลยนะมึงว่าหรือเปล่า” ผมพยักหน้ารับช้าๆ ยามนี้พายุปาดป้ายเจลใสลงยังช่องทางหลังจนผมรู้สึกสั่นไหวและสะดุ้งอย่างห้ามตัวไม่ได้

“อะ...” ผมเม้มปากแน่นกันเสียงร้องเอาไว้ แม้ว่าในยามนี้ฝนกำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนักอีกครั้ง แต่ห้องพักที่หอแห่งนี้ไม่ค่อยเก็บเสียงสักเท่าไหร่ แม้จะทรมานที่ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้เท่าที่ควร แต่ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ให้ได้ทดลองอีกหนึ่งประสบการณ์

“อื้อ...” ผมสั่นสะท้านยามถูกนิ้วมือรุกรานเข้ามาในร่างกาย มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก มันสั่นไหวและความรู้สึกมากมายตีรวนในช่องท้องไปหมด แต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ เหมือนมันอยากจะได้มากกว่านี้ อยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ

“สายฝน... เจ็บหรือเปล่า” ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธ แม้ในความเป็นจริงผมจะเจ็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมาย และถ้าผมบอกว่าเจ็บพายุจะต้องหยุดการกระทำแน่นอน

“ไม่หรอก... มึงทำต่อเลย” ผมขยุ้มปลอกหมอนและออกแรงจิกเอาไว้อย่างแรงเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่ามันจะมีความเจ็บแปลบเกิดขึ้นมา แต่ผมกลับโหยหาอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเดินก้าวหน้ามากไปกว่านี้ ในเมื่อเราได้ตัดสินใจลงไปแล้ว จะมาหยุดชะงักเดินถอยกลับตอนนี้คงไม่ได้ พายุอารมณ์มันไล่ตามหลังเราสองคนมาติดๆ จนไม่อาจคิดจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมได้อีกแล้ว

ผมได้แต่ห้ามตัวเองไม่ให้แสดงสีหน้าเจ็บปวด เพราะผมไม่อยากให้พายุกังวลและคิดมาก การกระทำของพายุน่ะอ่อนโยนมากที่สุดแล้ว เพียงแต่ว่ามันเป็นครั้งแรกของเราทั้งสอง จึงยังดูไม่คล่องและไม่ชำนาญสิ่งใด ที่ทำกันอยู่ก็อาศัยสัญชาติญาณและความต้องการนำพาทุกอย่างให้เกิดขึ้น

“พะ... พายุ” ผมเอ่ยเรียกชื่อคนรักของผมด้วยเสียงสั่น ความเจ็บแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ความต้องการของพายุสอดแทรกเข้ามาในร่างกายของผม สิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวของผม แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของผมเอง เพราะคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นคือพายุคนนี้

“เจ็บมากมั้ย?” พายุกดแช่ร่างกายค้างอยู่อย่างนั้น ร่างหนาโน้มตัวลงมานาบทับและลูบหน้าลูบผมด้วยความห่วงหาอาทร ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของพายุเอาไว้แน่นและส่ายหน้าไปมา

“ไม่เป็นไร... ทำต่อเลย กูไหว” ยิ่งพายุนิ่งค้างผมยิ่งสั่นไหว อยากให้พายุขยับอารมณ์รักให้ต่อเนื่องและคล่องมากกว่านี้ เผื่อความเสียดจะบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง แล้วความสุขมันอาจจะเข้ามาแทนที่

พายุโอบกอดร่างผมเอาไว้แนบอก ปากหยุ่นประกบจูบลงบนปากผมอีกครั้ง ร่างกายของพายุขยับเนิบนาบช้าๆ แต่ก็ทำให้ผมแทบคลั่ง ร่างกายของเราสองเบียดเสียดและกอดรัดปัดป่ายร่างกายกันและกันไปทั่ว

ครืน...

เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงเสียดสีของเตียงนอนในจังหวะที่พายุเริ่มขยับร่างกายเข้าหาผมถี่รัวขึ้น ผมยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเข้ากับเอวของพายุเอาไว้ ขาอีกข้างจิกเตียงนอนเอาไว้แน่น ยิ่งพายุขยับกายถี่เท่าไหร่ ผมยิ่งเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าผมมีความสุขมากเหลือเกิน

“อื้อ...” เราทำได้เพียงแค่ครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้น เพราะเราไม่อาจถอนรสจูบแสนล้ำลึกออกจากกันได้เลยแม้แต่วินทีเดียว แม้ใกล้จะขาดอากาศหายใจก็ไม่อยากจะห่างจากกันสักนิด

พายุสัมผัสร่างกายผมอย่างอ่อนโยนและเบามือมาก แม้จังหวะของร่างกายช่วงล่างจะถาโถมเข้าใส่แบบหนักแน่นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดทรมาน กลับสั่นสะท้านทุกช่วงจังหวะที่ร่างกายของพายุถอนตัวออกห่างและเน้นย้ำสัมผัสเข้ามาแนบชิด

“อื้ม...” ผมบิดร่างกายไปมาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ รู้แค่ว่าตอนนี้ปั่นป่วนไปทั่วช่องท้อง สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย อึดอัดคับแน่นไปหมด แต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ อยากให้พายุสานต่อไปจนกว่าทุกอย่างมันจะถึงจุดสูงสุดของอารมณ์

“สายฝน...” เสียงทุ้มสั่นไหวเพราะแรงถาโถมเข้าหาร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน ผมจิกที่นอนอย่างแรงจนกลัวว่ามันจะขาดตามแรงดึงของผม พายุไล่จูบไปทั่วผิวกายของผม ผมอยากทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูร่างกายมันอ่อนแรง มันไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อๆ ทำได้เพียงนอนให้พายุกอดเกี่ยวและเร่งจังหวะเข้าหา

“รักมึงนะ” พายุกระซิบคำรักเสียงแหบพร่า ผมผวายกเรียวแขนกอดเกี่ยวรอบคอพายุเอาทันทีที่มันถอนร่างกายออกจากผมเอาดื้อๆ มันจับมือผมออกจากคอและรั้งร่างผมขึ้นมาจากเตียงนอน ผมเหมือนเด็กว่านอนสอนง่ายที่ถูกสั่งให้ทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง มันเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลยว่ะ แต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้คล้อยตามอารมณ์ของพายุแบบนี้

“รักมึงเหมือนกัน... พายุ” ผมถูกพลิกร่างให้นอนคว่ำนาบกับเตียงนอน ก่อนจะถูกรั้งเอวยกลอยขึ้น ผมต้องใช้เข่ายันร่างกายกับเตียงนอน ใช้มือทั้งสองข้างยันร่างกายขึ้นมาอยู่ในท่าหมอบคลาน

“อ๊ะ...” ไม่ต้องรอให้เวลาเดินผ่านไปเสียเปล่า พายุขยับเข้ามาประชิดและสอดใส่ร่างกายกลับเข้ามาในร่างผมอีกครั้ง แผ่นหลังถูกร่างกายพายุนาบทับลงมาแนบชิด มือหนารั้งใบหน้าผมให้เอี้ยวหันกลับไปรับรสจูบแสนดูดดื่มอีกหน ผมยกแขนซ้ายขึ้นมาตวัดเกี่ยวกอดรอบคอพายุเอาไว้แน่น

ถือได้ว่าเป็นความโชคดีของเราที่ฝนเทลงมาห่าใหญ่แถมยังมีเสียงฟ้าร้องคำรามดังไปทั่ว กลบเสียงเตียงนอนและเสียงร่างกายเราเสียดสีเอาไว้ได้มากทีเดียว ผมปล่อยตัวและใจให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ให้พายุนำพาความสุขสมมาให้ผม เช่นเดียวกับที่ผมเองก็กำลังนำพาความสุขมาให้พายุเช่นกัน

ร่างกายผมโยกไหวไปทางด้านหน้าตามแรงส่งจากคนด้านหลัง หัวใจผมเต้นแรงระรัวอย่างน่ากลัว พายุเองก็คงไม่ต่างกัน เราสองคนกำลังพากันและกันป่ายปีนอารมณ์รักขึ้นสูงไปเรื่อย

“สายฝน...อื้ม” ปากนุ่มเม้มจูบบนไหล่เปลือยและขบเบาๆ พอให้ผมสั่นสะท้าน มือหนาลากไล้ไปมาผ่านหน้าท้องแบนราบเคลื่อนต่ำลงไปยังความปรารถนาที่รอรับการปลดปล่อยของผม

เราสองคนเป็นหนึ่งเดียวกัน เราสองคนกำลังจะเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ด้วยความรักและความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่

ผมปล่อยมือทั้งสองข้างเท้ายันเตียงนอนอีกหน ก้มหน้ากัดปากแน่นเมื่อพายุคว้าเอวผมด้วยมือทั้งสองข้างแน่น แรงถาโถมเข้าหาเน้นย้ำอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดเข้าหาร่างผมอย่างหนักหน่วง ผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นและปล่อยให้พายุนำพาความรู้สึกขึ้นสู่จุดสูงสุด

“อ๊ะ... พะ.. พายุ...” ผมสั่นสะท้านทั้งเสียง ร่างกาย และความรู้สึก พายุเร่งจังหวะหนักๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะทุกอย่างจะขาวโพลนไปหมด ผมได้แต่กำมือแน่นเมื่อมือหนาเร่งจังหวะให้ผมอย่างไม่มีการติดขัดในอารมณ์ แผ่นหลังของผมเปรอะเปื้อนไปด้วยอารมณ์รักของพายุ แต่มือหนาข้างนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์รักของผมเช่นกัน

เราทั้งคู่ต่างทิ้งตัวลงนอนหันหน้าเข้าหากันและกัน ร่างกายเราหอบกระเพื่อมด้วยความเหนื่อยล้าและการหายใจเข้าออกก็ติดขัดเล็กน้อย ผมรู้สึกปวดหนึบไปทั้งร่างกาย ขยับแต่ละทีก็ดูเจ็บร้าวไปหมด

แต่ที่หัวใจของผมกลับอบอุ่นและรู้สึกล่องลอยจนต้องดึงมันเอาไว้ กลัวว่ามันจะลอยหายไปกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย

“ฝน... ขอบคุณนะ” พายุยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ มันยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตบนหน้าผากและเลื่อนลงมาจูบปากผมอีกครั้ง

“ขอบคุณกูทำไม กูเต็มใจมอบความสุขให้คนที่กูรัก และมึงเองก็มอบความสุขให้กูเหมือนกันนะพายุ” ผมกุมมือพายุขึ้นมาจุมพิตและนาบมันลงบนอก หัวใจผมยังคงเต้นแรงและพายุเองก็คงเป็นเช่นกัน

“ขอบคุณที่มึงเดินเข้ามาในชีวิตกู มาทำให้กูรักและมีความสุขได้มากถึงขนาดนี้ คำขอบคุณอีกแสนล้านคำมันก็ไม่สามารถแทนความรู้สึกของกูได้หรอกนะครับ รักมึงมากจริงๆ นะฝน” พายุส่งยิ้มจากใจตรงมาให้ ผมยิ้มรับความรู้สึกของพายุเข้ามาเก็บกักเอาไว้ข้างในหัวใจ แม้ว่ามันจะมีอยู่มากจนล้นเอ่อแล้วก็ตาม

“กูเองก็อยากจะขอบคุณมึงเหมือนกัน ขอบคุณที่เปิดใจให้กูเข้าไป ขอบคุณที่ทำให้กูรู้ว่ารักแท้มันเป็นยังไง กูรักมึงมากกว่าเมื่อวานนี้อีกแล้วว่ะพายุ” เราสองคนส่งยิ้มให้กัน ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ผมจะจำเอาไว้ตราบนานเท่านาน ค่ำคืนที่เราสองพากันก้าวข้ามความสัมพันธ์ไปอีกหนึ่งขั้น

ความรักของเราจะยืนยาวนาน... ไปจนถึงไหนกันนะ

..........100%.....
อ่านจบแล้วกลับไปเม้นให้กำลังใจกันได้ที่บ้านนิยายนะคะ >> http://writer.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=1271075