18. รักล้นใจ
(สายฝน)
ผมไม่อาจเปรียบเทียบปริมาณความรักของผมที่มีต่อพายุให้ใครรับฟังได้เลย
เพราะตัวผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันมากล้นเพียงใด รู้แค่ว่ามันล้นใจจนไม่อาจจะกักเก็บความปรารถนาและความต้องการที่เกิดขึ้นพร้อมๆ
กับความรักของผมได้อีกแล้ว
ความอ่อนนุ่มของเตียงนอนช่วยรองรับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผมเอาไว้
ผิวกายของพายุแนบชิดกับผิวกายของผม
ร่างกายเบียดเสียดกันอยู่บนเตียงนอนของเราทั้งคู่ รสจูบแสนดูดดื่มและลึกล้ำดึงเราทั้งสองให้จมดิ่งลงสู่ความปรารถนา
ดั่งมีมนตรามาสะกดเราทั้งคู่ให้จมลงสู่ความลึกล้ำของความรู้สึก
ผมค่อยๆ
นาบฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลาของพายุ
มือหนานาบซ้อนทับหลังมือผมและดึงลงมาจุมพิตแผ่วเบา รอยยิ้มดูดีของพายุทำลายทุกอย่างในใจผมจนหมดสิ้น
ก่อนหน้านี้ผมก็แอบกังวลและแอบคิดอยู่เหมือนกันว่าระหว่างเรานั้นมันจะออกมาในรูปแบบใด
แม้ใครต่อใครจะมองว่าผมเหมือนผู้หญิง
เป็นคนตัวบางหน้าสวยที่เหมาะจะเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ของพายุ
แต่ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งและไม่เคยมีความรักกับผู้ชายมาก่อน
ผมไม่แน่ใจว่าผมควรจะตอบรับความรู้สึกของพายุกลับไปในรูปแบบใด
และพายุเองต้องการที่จะให้ระหว่างเรามันออกมาในรูปแบบไหนผมก็ยังไม่แน่ใจ
แต่สายตาของพายุตอบทุกอย่างให้ผมกระจ่างในใจอย่างชัดเจน
มันไม่สำคัญเลยว่าเราจะอยู่ในสถานะใด
มันสำคัญที่ว่าเราสองคนรักกันและมีแค่กันเท่านั้น จะต้องไปสนใจทำไมว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน
เพราะยังไงซะเราก็ยังคงมีความรักให้แก่กันอยู่ดี
“รู้สึกมั้ย?
หัวใจกูเต้นแรงมากเลยนะ” พายุจับมือผมให้นาบลงบนอกด้านซ้ายเปลือยเปล่า
มือหนาอีกข้างก็นาบทับลงบนอกซ้ายเปล่าเปลือยของผมเช่นกัน
“หัวใจกูเองก็เต้นแรงไม่ต่างกันหรอกพายุ”
ผมยิ้มรับรอยยิ้มอบอุ่นของผู้ชายที่ผมแสนรัก
เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยยามใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆ
ลมหายใจอุ่นรินรดแก้มและซอกคอ ทำให้ผมรู้สึกหวิวไหวได้มากยิ่งขึ้น
“รักว่ะ”
ผมไม่อาจตอบคำรักกลับไปเพราะปากหยุ่นแสนนุ่มบรรจงจูบลงบนปากผมอย่างแสนรัก พายุอ่อนโยนกับผมมาก
ยิ่งนานวันผมได้รู้จักพายุมากยิ่งขึ้น ได้เห็นในมุมต่างๆ
ของพายุอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พายุเปิดใจให้ผมเข้าไปอย่างไม่คิดปิดกั้นอีกต่อไปแล้ว
“อื้อ...”
ผมตอบกลับได้เพียงแค่สั้นๆ เมื่อพายุถอนริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
ไม่เคยคิดเลยว่าการได้สัมผัสแนบชิดกับผู้ชายด้วยกันมันจะทำให้รู้สึกสุขล้นได้มากเท่านี้
อาจจะเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่หัวใจของผมเปิดรับและอยากให้เราทั้งคู่เป็นมากกว่าที่เคยเป็น
เมื่อใจเปิดรับแล้วผมจึงไม่คิดรังเกียจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ผมกลับอยากให้เราแนบชิดและสานต่อความรู้สึกไปจนถึงฝั่งฝัน
ในเมื่อเราจูงมือกันเดินข้ามเส้นกั้นของความสัมพันธ์ไปแล้ว
จะเดินย้อนกลับตอนนี้ก็คงไม่ทัน และที่สำคัญยิ่งกว่า
เราทั้งคู่คงไม่มีใครเต็มใจจะเดินกลับไปในตอนนี้แน่นอน
พายุถอนริมฝีปากขึ้นอีกครั้ง
รอยยิ้มถูกส่งตรงมาให้อีกหน ผมเม้มปากเล็กน้อยยามที่ปากหยุ่นประกบจูบลงบนผิวกายอย่างแผ่วเบา
พายุไล่จูบไปทั่วหน้าอกของผม ใช้ปากหยุ่นเม้มเนื้อเบาๆ
และเปลี่ยนสัมผัสไปทั่วผิวกาย
ผมไม่สามารถพูดสิ่งใดได้เลย
ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมไม่ควรพูดสิ่งใด ยอมรับเลยว่าผมไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ
อยากให้พายุทำในสิ่งที่ใจต้องการและสิ่งที่สนองความรู้สึกของผมได้อย่างตรงไปตรงมา
ผมทำได้เพียงใช้นิ้วมือขยุ้มผ้าปูที่นอนยามริมฝีปากประกบจูบลงบนอกด้านซ้าย
จูบทับลงบนยอดอกของผมเบาๆ แต่ทำให้ผมสั่นสะท้านอย่างหนัก
ผมหายใจติดขัดและพยายามห้ามไม่ให้ร่างกายสั่นสะท้านมากไปกว่านี้
“ทำไมเงียบนักล่ะ...”
“แล้วจะให้กูพูดอะไรล่ะครับ
กูรู้สึกสุขล้นจนพูดอะไรไม่ถูกอยู่นะพายุ มึงทำตามที่ใจต้องการต่อเถอะ
ปล่อยให้กูจิกหมอนต่อไปเหอะ” ผมหลับตาลงหนีสายตาของพายุ
อย่ามาทำให้รู้สึกอยากเป็นบ้ามากไปกว่านี้เลย
เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ผมก็ทรมานใจมากพอแล้ว
“ไม่สมเป็นมึงเลยฝน...
แต่แบบนี้ก็น่ารักดีนะ กูชอบทุกอย่างที่มึงเป็น”
ผมขยุ้มผ้าและกระตุกอย่างแรงเมื่อรู้สึกได้ถึงความชื้นและความหยาบของปลายลิ้น
พายุลากไล้ลิ้นผ่านยอดอกทั้งสองข้าง เป็นสัมผัสที่ยังดูลังเลอยู่เล็กน้อย
ดูประหม่าแต่เจ้าตัวก็พยายามทำให้ผมรู้สึกไม่ขัดอารมณ์
“อืม!” ว่าจะไม่ส่งเสียงร้องออกไปให้อายตัวเอง
แต่สุดท้ายก็ห้ามความต้องการไม่ได้จริงๆ สินะ
ผมเผลอร้องครางเสียงสั่นเมื่อพายุตวัดลิ้นเลียยอดอกของผมเร็วและรัวมากขึ้นจากเมื่อครู่
แถมยังถูกบดคลึงยอดอกอีกข้างจนสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย
“กูไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่ามึงจะน่าสัมผัสได้มากขนาดนี้”
ผมอยากระเบิดตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอด พายุจะทำให้ผมสั่นไหวได้อีกเท่าไหร่
ทำไมผมถึงได้อยากจะเป็นบ้าเพียงแค่ถูกสัมผัสจากมือและปากของผู้ชายคนนี้ได้ล่ะ
“ไม่เคยรู้ก็รู้ซะสิพายุ...”
ผมลืมตาขึ้นมองรอยยิ้มมีเสน่ห์ของพายุ มันเคลื่อนตัวขึ้นมาหาและจ้องมองสบตาอย่างเอาเป็นเอาตาย
จะละลายหัวใจผมไปถึงไหนกันนะ
“รู้แล้วล่ะ
แล้วก็อยากได้มากกว่านี้ด้วย” ผมถูกคลอเคลียที่ริมฝีปากอีกครั้ง
พายุเม้มริมฝีปากผมด้วยปากหยุ่น ประกบจูบลงมาอีกหนอย่างเนิ่นนาน
รสจูบแสนฉ่ำหวานช่างทรมานความรู้สึกเสียจริง
จะไม่ทรมานได้อย่างไรในเมื่อพายุเล่นสอดมือเข้าไปในกางเกงและเริ่มต้นลูบไล้ส่วนอ่อนไหวใต้เนื้อผ้าอย่างเบามือ
ใช่ว่าเราไม่เคยสัมผัสกันและกันมาก่อน แต่ครั้งนี้มันช่างต่างกันอย่างลิบลับ
เพราะสัมผัสของพายุกำลังจะนำพาให้เราทั้งคู่ไปสู่ความสัมพันธ์ที่มากขึ้นอีกระดับ
“อ๊ะ...
พายุ” ผมถูกมือหนารูดรั้งส่วนซ่อนเร้นผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วเย้าอารมณ์
ผมเม้มลิ้นสีชมพูดที่สอดเข้ามาในปากและประกบจูบตอบกลับตวัดลิ้นเกี่ยวรัดกับลิ้นพายุอย่างไม่ยอมแพ้ให้
แม้หัวใจจะสั่นไหวขั้นรุนแรงมากก็ตาม
“รู้มั้ยว่ากูจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”
ทำไมผมจะไม่รู้วะ ในเมื่อผมเองก็จะเป็นบ้าตายเหมือนกัน ไม่เคยคิดเลยจริงๆ
ว่าการถูกคนเพศเดียวกันสัมผัสไปทุกส่วนบนร่างกาย
นอกจากจะไม่รู้สึกรังเกียจแล้วยังรู้สึกดีมากจนอยากให้พายุทำมากขึ้นเรื่อยๆ
“รู้สิ! กูเองก็จะบ้าตายอยู่แล้ว” ผมได้แต่กัดปากเมื่อมือหนาค่อยๆ ดึงกางเกงผมลงต่ำพร้อมทั้งกางเกงในที่ถูกเกี่ยวตามลงไปด้วย
ยิ่งรู้สึกอยากระเบิดตัวเองตายเมื่อมือหนาลูบไล้จุดอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึกไปมา
มันเด่นชัดถึงความต้องการและอารมณ์ของผม
มันน่าอายแต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำลงเลย
“ทำหน้าแบบนี้มันทำให้กูยิ่งอยากจะสัมผัสมึงมากยิ่งขึ้นนะฝน
อย่าทำหน้าเหมือนอยากจะยั่วกูแบบนี้ได้มั้ย หัวใจกูจะเต้นทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว”
ผมห้ามตัวเองได้เสียที่ไหน ห้ามได้ก็ดีสิ นี่จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว
“กูจะบ้าตายแล้วพายุ
ทำตามใจมึงต่อไปเถอะ อย่าสนใจกูเลย”
ผมโบกมือและหลับตาลงเพื่อหลบสายตาของพายุอีกครั้ง ถ้าผมจะระเบิดตัวเองตายมันจะรับผิดชอบมั้ย
ผมจะเป็นบ้าตายเพราะว่าคนที่ทำให้ผมสั่นไหวได้รุนแรงคือพายุคนนี้
พายุสัมผัสผมทั้งร่างกาย
พายุทำลายทุกอย่างในหัวใจของผมจนหมด
ให้ผมทำยังไงก็ได้ขอแค่พายุเอ่ยปากบอกผมก็ยอมให้ได้ทุกอย่าง เพราะรักมาก
เพราะแคร์มาก และอยากให้พายุมีความสุขมากๆ อีกด้วย
“ถ้ามึงหลับตามึงก็จะไม่เห็นความรู้สึกทั้งหมดของกูที่ส่งตรงไปให้มึงนะสายฝน
ลืมตาขึ้นมารับความรักของกูไปหน่อยนะครับ” ผมลืมตาขึ้นในทันที
ดวงตาคมเข้มอยู่ตรงหน้าผมในระยะประชั้นชิด
ผมมองเห็นรอยยิ้มและความรู้สึกทั้งหมดจากสายตาของพายุ เราสองคนประกบจูบกันอีกครั้งอย่างโหยหา
จูบที่แสนตรึงใจให้เราทั้งคู่ต่างหลงใหลซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น
ผมได้แต่บิดร่างไปมาเมื่อมือหนายังคงสัมผัสอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย
พายุขยับมือเป็นจังหวะเนิบนาบในขณะที่ริมฝีปากยังเม้มปากผมและประกบจูบไม่ห่าง
ผมไม่อาจห้ามใจตัวเองได้เลย
ยิ่งพายุมอบความรักให้ผมมากเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากมอบกลับคืนไปให้ได้มากกว่านั้น
ผมค่อยๆ สอดมือเข้าไปใต้กางเกงของพายุ
สัมผัสส่วนซ้อนเร้นและขยับไปมาเพื่อทำให้พายุมีความสุขดั่งเช่นที่ผมมีความสุขเพราะสิ่งที่พายุมอบให้
ร่างกายของเราเบียดเสียดมอบความอบอุ่นและความร้อนรุ่มให้แก่กัน
สายฝนยังโปรยปรายไม่ขาดสาย
แต่ความอบอุ่นของร่างกายเราขับไล่ความเย็นฉ่ำของค่ำคืนนี้ไปจนหมด
มันร้อนระอุแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในคราเดียวกัน
เป็นเวลาเนิ่นนานที่เราสองคนกอดรัดและสัมผัสกันและกันจนความต้องการเกือบจะสิ้นสุด
แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเมื่อพายุหยุดการกระทำและขยับตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่าลงบนเตียง
ผมมองรอยยิ้มนั่นอย่างเชื่อมั่นและมั่นใจ
มองมือหนาที่ดึงรั้งกางเกงผมลงไปจนสุดปลายขาและดึงออกจากร่างกาย
ผมเบียดเรียวขาเข้าหากัน ได้แต่มองการกระทำของพายุอย่างรอคอย
“กูรักมึงนะฝน
กูไม่คิดบังคับใจมึง ถ้ามึงอยากให้กูทำกูก็จะทำ หรือมึงอยากจะเป็นฝ่ายทำ กูก็จะตามใจมึง...
ความรักของกูมันไม่มีข้อแม้ ขอแค่เป็นมึง
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไรกูก็ยินดีทั้งนั้น”
พายุทำให้ผมมีความสุขจนอยากจะรั้งมันลงมากอดแน่นๆ และไม่อยากปล่อยให้มันหลุดพ้นจากอ้อมกอดของผมไปได้
ไม่เคยคิดเลยว่าผมจะโชคดีได้เท่านี้
ไม่เคยคิดเลยว่าพายุจะรักผมได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้
ถ้าถามว่าผมอยากจะอยู่ในสถานะไหน
ตอนนี้มันไม่มีอะไรสำคัญแล้วล่ะ สิ่งที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับผมแล้วก็คือความรู้สึกและความสุขของพายุต่างหาก...
ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า
ร่างกายผมเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ปกปิด ถึงผมจะอายแต่ผมก็พยายามไม่อาย
มันเป็นความรู้สึกที่ลดหลั่นกันอยู่ระหว่างความอายและความหน้าด้าน
ซึ่งแล้วแต่สถานการณ์ว่าจะอยู่ในอารมณ์ไหน
ผมจับไหล่พายุและออกแรงดันมันให้หงายลงบนเตียง
ใช้นิ้วมือเกี่ยวขอบกางเกงมันลงต่ำ ค่อยๆ ดึงให้ผ่านพ้นส่วนแสดงอารมณ์ของมัน
ความต้องการของพายุหลุดพ้นจากสิ่งปกปิด
ผมรู้ดีว่าพายุเองก็มีอารมณ์ปรารถนาที่มากล้นไม่ต่างจากผมเลย
“กูโคตรรักมึงเลยว่ะพายุ
รักอย่างไม่เคยรักใครได้เท่านี้ และกูก็คิดว่าตัวกูเองคงไม่สามารถรักใครได้เท่าที่รักมึงอีกแล้ว”
ผมดึงกางเกงพายุออกจากร่างกาย เท้าแขนข้างหนึ่งลงบนเตียงนอนและโน้มตัวเอื้อมไปหยิบบางอย่างมาจากใต้หมอนทางฝั่งผม
“สายฝน! มึงนี่มัน...” พายุมองสิ่งที่อยู่ในมือผม
มันหลุดยิ้มและส่ายหน้าอย่างระอาใจ ผมใช้ปากกัดซองสีเงินและฉีกมันออกอย่างคล่องแคล่ว
หยิบมันออกมาและมองสบตากับพายุ
ช่วงเวลาต่อจากนี้จะเป็นการระบุสถานะระหว่างเราสองคน
และผมไม่ลังเลเลยที่จะทำในสิ่งต่อไปนี้
“ช่วยทำให้ครั้งแรกของกูเต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ
ด้วยนะพายุ” ผมสวมถุงยางให้พายุอย่างไม่ลังเลใจ
เป็นการระบุสถานะของผมและมันอย่างชัดเจน
ผมคิดดีแล้วว่าสิ่งนี้จะทำให้เราทั้งคู่มีความสุข
ความรู้สึกบางอย่างมันไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุและผล
มันเป็นความรู้สึกจากหัวใจที่ใช้ตัดสินทุกอย่าง
“คิดดีแล้วใช่มั้ยสายฝน?”
ผมพยักหน้ารับและทิ้งตัวลงนอนนาบทับร่างเปลือยเปล่าของพายุ
บรรจงประทับริมฝีปากบนแก้มทั้งสองข้างของคนด้านใต้
ความรู้สึกดีก่อเกิดได้เสมอเพียงแค่เราอยู่เคียงชิดใกล้
“เชื่อมั่นในการตัดสินใจของกูนะพายุ
กูเชื่อว่ามันจะทำให้เรามีความสุขด้วยกัน” ผมถูกพลิกให้ลงมาอยู่ทางด้านล่าง
พายุไล่จูบไปทั่วใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา
ผมยินดีรับทุกสัมผัสจากผู้ชายคนนี้ พายุไม่เคยทำให้ผมผิดหวัง
และผมเชื่อว่าพายุจะทำให้ผมมีความสุขได้มากที่สุด
“รักมึงนะฝน
บอกรักบ่อยๆ ก็อย่าเพิ่งเบื่อล่ะ กูอยากบอกความรู้สึกของกูให้มึงได้รับรู้เอาไว้
ไม่ว่าหนาวจะเดินกลับเข้ามาหรือไม่ มันไม่ได้ทำให้ความรักที่กูมีต่อมึงลดลงไปเลย”
ผมถูกพายุเกี่ยวนิ้วก้อยด้วยนิ้วของมัน เราสองคนใช้นิ้วหัวแม่มือแตะกันเอาไว้และเกี่ยวก้อยร้อยคำสัญญาที่เรามีให้แก่กัน
“กูสัญญาว่าจะดูแลมึงให้ดีที่สุด
ให้มากกว่าความรู้สึกทั้งหมดของกู รักมึงนะสายฝน” พายุก้มลงจูบตรงตำแหน่งหัวใจผมอีกครั้ง
เน้นความรู้สึกและคำรักฝังลงไปสู่หัวใจของผม
เท่านี้ผมก็ยิ้มโดยไม่สามารถหุบยิ้มลงได้ง่ายๆ
ยิ่งคิดถึงเรื่องราวของเราสองต่อจากวินาทีนี้ไป
หัวใจยิ่งสั่นไหวและกระตุกระรัวอย่างน่ากลัวและบ้าคลั่ง
“ไม่ต้องสัญญาหรอกพายุ
เพราะกูเชื่อว่ามึงจะทำตามที่มึงพูดได้ กูรับความรู้สึกทั้งหมดของมึงเอาไว้แล้ว
มึงเองก็ช่วยรับความรู้สึกทั้งหมดของกูไว้ด้วยนะ” พายุพยักหน้ารับ
บนหน้าหล่อเหลาแต้มยิ้มอย่างอารมณ์ดี รอยยิ้มของพายุดูดีและทำให้ผมมีความสุขเสมอ
พายุไม่ได้พูดอะไรต่อ
มือแกร่งจับขาทั้งสองข้างของผมให้ตั้งชันขึ้นและแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางระหว่างขาของผม
การกระทำของเราสองคนดูเก้ๆ กังๆ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่
ทั้งความเขินอาย ความหวั่นไหว
ความรู้สึกมากมายถาโถมใส่เราจนเกือบจะตั้งรับมันเอาไว้ไม่ทัน
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ
กูจะหยุด...”
“มาถึงขั้นนี้แล้วมึงหยุดไม่ได้แล้วล่ะพายุ
เพราะกูเองก็จะไม่หยุดเหมือนกัน ทำตามที่ใจมึงต้องการเถอะ กูพร้อมแล้วว่ะ”
ผมจับมือพายุและบีบเบาๆ มันคงกลัวว่าผมจะเจ็บกับสัมพันธ์รักครั้งแรกของเราสอง
ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นยังไงเพราะผมไม่เคยเป็นฝ่ายรองรับแบบนี้
แต่ไม่ว่าจะเกิดความรู้สึกแบบไหน
ผมก็จะไม่ยอมแพ้และจะไม่มีทางหยุดเด็ดขาด
เพราะระหว่างเราใช่ว่าจะมีความสัมพันธ์แบบนี้เพียงครั้งเดียวเสียเมื่อไหร่
หลังจากนี้มันอาจจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน
เพราะฉะนั้นเราสองคนต้องข้ามผ่านครั้งแรกไปด้วยกันให้ได้
ผมสอดมือเข้าไปใต้หมอนตัวเองอีกครั้ง
ควานหาบางสิ่งที่ผมแอบเตรียมเอาไว้ โดยไม่เคยบอกให้พายุรับรู้ เพราะผมไม่อยากให้มันคิดว่าผมหวังอะไรจากมัน
แม้ว่าจริงๆ ผมก็แอบวาดหวังช่วงเวลาที่เราสองได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าเราจะอยู่ในสถานะใดก็เหอะ
แต่ตอนนี้มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว
ทั้งความรู้สึก สถานะ และความต้องการของเราทั้งคู่ ผมใช้มือข้างหนึ่งปิดตาเอาไว้
และยื่นขวดใสบรรจุของเหลวเอาไว้ทางด้านใน
ได้ยินเสียงพายุหัวเราะก็ต้องแอบเปิดตามองแล้วก็อยากจะฆ่าตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด
“ร้ายนะฝน
นี่มีอะไรที่ทำให้กูอึ้งได้อีกหรือเปล่าวะ?” พายุตั้งท่าจะเอื้อมมาดึงหมอนที่ผมนอนหนุน
ผมตีมือพายุแล้วนอนมองเพดานห้องอย่างไม่อาจมองสบตากับมันได้อย่างตรงไปตรงมา
“ไม่มีอะไรแล้วเว้ย
มีแค่นี้นี่แหละ
กูไม่ได้หื่นนะแต่กูก็หื่นนั่นแหละ อย่ามองหน้ากูได้มั้ยพายุ
จะทำอะไรก็ทำสักทีเถอะครับ กูจะบ้าตายจริงๆ แล้วนะเว้ย” ผมตีมือหนาที่เอื้อมมาบีบแก้มผมอย่างแรง
มันจับแก้มผมดึงไปมาราวกับว่ามันคือมาชเมลโล่
“ยิ่งมองมึงก็ยิ่งสวยว่ะฝน
กูนี่โชคดีจังเลยนะมึงว่าหรือเปล่า” ผมพยักหน้ารับช้าๆ
ยามนี้พายุปาดป้ายเจลใสลงยังช่องทางหลังจนผมรู้สึกสั่นไหวและสะดุ้งอย่างห้ามตัวไม่ได้
“อะ...”
ผมเม้มปากแน่นกันเสียงร้องเอาไว้
แม้ว่าในยามนี้ฝนกำลังโปรยปรายลงมาอย่างหนักอีกครั้ง
แต่ห้องพักที่หอแห่งนี้ไม่ค่อยเก็บเสียงสักเท่าไหร่
แม้จะทรมานที่ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้เท่าที่ควร
แต่ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ให้ได้ทดลองอีกหนึ่งประสบการณ์
“อื้อ...”
ผมสั่นสะท้านยามถูกนิ้วมือรุกรานเข้ามาในร่างกาย มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
มันสั่นไหวและความรู้สึกมากมายตีรวนในช่องท้องไปหมด
แต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ เหมือนมันอยากจะได้มากกว่านี้
อยากได้มากขึ้นเรื่อยๆ
“สายฝน...
เจ็บหรือเปล่า” ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธ แม้ในความเป็นจริงผมจะเจ็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากมาย
และถ้าผมบอกว่าเจ็บพายุจะต้องหยุดการกระทำแน่นอน
“ไม่หรอก...
มึงทำต่อเลย”
ผมขยุ้มปลอกหมอนและออกแรงจิกเอาไว้อย่างแรงเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่ามันจะมีความเจ็บแปลบเกิดขึ้นมา แต่ผมกลับโหยหาอยากให้ความสัมพันธ์ของเรามันเดินก้าวหน้ามากไปกว่านี้
ในเมื่อเราได้ตัดสินใจลงไปแล้ว จะมาหยุดชะงักเดินถอยกลับตอนนี้คงไม่ได้
พายุอารมณ์มันไล่ตามหลังเราสองคนมาติดๆ
จนไม่อาจคิดจะเดินย้อนกลับไปทางเดิมได้อีกแล้ว
ผมได้แต่ห้ามตัวเองไม่ให้แสดงสีหน้าเจ็บปวด
เพราะผมไม่อยากให้พายุกังวลและคิดมาก การกระทำของพายุน่ะอ่อนโยนมากที่สุดแล้ว
เพียงแต่ว่ามันเป็นครั้งแรกของเราทั้งสอง จึงยังดูไม่คล่องและไม่ชำนาญสิ่งใด
ที่ทำกันอยู่ก็อาศัยสัญชาติญาณและความต้องการนำพาทุกอย่างให้เกิดขึ้น
“พะ...
พายุ” ผมเอ่ยเรียกชื่อคนรักของผมด้วยเสียงสั่น ความเจ็บแปลบเกิดขึ้นทันทีที่ความต้องการของพายุสอดแทรกเข้ามาในร่างกายของผม
สิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวของผม
แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของผมเอง
เพราะคนที่ทำให้มันเกิดขึ้นคือพายุคนนี้
“เจ็บมากมั้ย?”
พายุกดแช่ร่างกายค้างอยู่อย่างนั้น ร่างหนาโน้มตัวลงมานาบทับและลูบหน้าลูบผมด้วยความห่วงหาอาทร
ผมจับไหล่ทั้งสองข้างของพายุเอาไว้แน่นและส่ายหน้าไปมา
“ไม่เป็นไร...
ทำต่อเลย กูไหว” ยิ่งพายุนิ่งค้างผมยิ่งสั่นไหว
อยากให้พายุขยับอารมณ์รักให้ต่อเนื่องและคล่องมากกว่านี้
เผื่อความเสียดจะบรรเทาเบาบางลงไปบ้าง แล้วความสุขมันอาจจะเข้ามาแทนที่
พายุโอบกอดร่างผมเอาไว้แนบอก
ปากหยุ่นประกบจูบลงบนปากผมอีกครั้ง ร่างกายของพายุขยับเนิบนาบช้าๆ
แต่ก็ทำให้ผมแทบคลั่ง
ร่างกายของเราสองเบียดเสียดและกอดรัดปัดป่ายร่างกายกันและกันไปทั่ว
ครืน...
เสียงฟ้าร้องดังกลบเสียงเสียดสีของเตียงนอนในจังหวะที่พายุเริ่มขยับร่างกายเข้าหาผมถี่รัวขึ้น
ผมยกขาข้างหนึ่งเกี่ยวเข้ากับเอวของพายุเอาไว้ ขาอีกข้างจิกเตียงนอนเอาไว้แน่น
ยิ่งพายุขยับกายถี่เท่าไหร่ ผมยิ่งเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย
แต่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าผมมีความสุขมากเหลือเกิน
“อื้อ...”
เราทำได้เพียงแค่ครางอื้ออึงในลำคอเท่านั้น
เพราะเราไม่อาจถอนรสจูบแสนล้ำลึกออกจากกันได้เลยแม้แต่วินทีเดียว
แม้ใกล้จะขาดอากาศหายใจก็ไม่อยากจะห่างจากกันสักนิด
พายุสัมผัสร่างกายผมอย่างอ่อนโยนและเบามือมาก
แม้จังหวะของร่างกายช่วงล่างจะถาโถมเข้าใส่แบบหนักแน่นแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดทรมาน
กลับสั่นสะท้านทุกช่วงจังหวะที่ร่างกายของพายุถอนตัวออกห่างและเน้นย้ำสัมผัสเข้ามาแนบชิด
“อื้ม...”
ผมบิดร่างกายไปมาอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ รู้แค่ว่าตอนนี้ปั่นป่วนไปทั่วช่องท้อง
สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย อึดอัดคับแน่นไปหมด แต่ก็ไม่อยากให้พายุหยุดการกระทำ
อยากให้พายุสานต่อไปจนกว่าทุกอย่างมันจะถึงจุดสูงสุดของอารมณ์
“สายฝน...”
เสียงทุ้มสั่นไหวเพราะแรงถาโถมเข้าหาร่างกายของผมไม่หยุดหย่อน
ผมจิกที่นอนอย่างแรงจนกลัวว่ามันจะขาดตามแรงดึงของผม พายุไล่จูบไปทั่วผิวกายของผม
ผมอยากทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูร่างกายมันอ่อนแรง มันไร้เรี่ยวแรงเอาดื้อๆ
ทำได้เพียงนอนให้พายุกอดเกี่ยวและเร่งจังหวะเข้าหา
“รักมึงนะ”
พายุกระซิบคำรักเสียงแหบพร่า ผมผวายกเรียวแขนกอดเกี่ยวรอบคอพายุเอาทันทีที่มันถอนร่างกายออกจากผมเอาดื้อๆ
มันจับมือผมออกจากคอและรั้งร่างผมขึ้นมาจากเตียงนอน ผมเหมือนเด็กว่านอนสอนง่ายที่ถูกสั่งให้ทำอะไรก็ทำได้ทุกอย่าง
มันเหมือนไม่ใช่ตัวผมเลยว่ะ แต่ผมก็รู้สึกดีที่ได้คล้อยตามอารมณ์ของพายุแบบนี้
“รักมึงเหมือนกัน...
พายุ” ผมถูกพลิกร่างให้นอนคว่ำนาบกับเตียงนอน ก่อนจะถูกรั้งเอวยกลอยขึ้น ผมต้องใช้เข่ายันร่างกายกับเตียงนอน
ใช้มือทั้งสองข้างยันร่างกายขึ้นมาอยู่ในท่าหมอบคลาน
“อ๊ะ...”
ไม่ต้องรอให้เวลาเดินผ่านไปเสียเปล่า
พายุขยับเข้ามาประชิดและสอดใส่ร่างกายกลับเข้ามาในร่างผมอีกครั้ง
แผ่นหลังถูกร่างกายพายุนาบทับลงมาแนบชิด
มือหนารั้งใบหน้าผมให้เอี้ยวหันกลับไปรับรสจูบแสนดูดดื่มอีกหน
ผมยกแขนซ้ายขึ้นมาตวัดเกี่ยวกอดรอบคอพายุเอาไว้แน่น
ถือได้ว่าเป็นความโชคดีของเราที่ฝนเทลงมาห่าใหญ่แถมยังมีเสียงฟ้าร้องคำรามดังไปทั่ว
กลบเสียงเตียงนอนและเสียงร่างกายเราเสียดสีเอาไว้ได้มากทีเดียว
ผมปล่อยตัวและใจให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ให้พายุนำพาความสุขสมมาให้ผม
เช่นเดียวกับที่ผมเองก็กำลังนำพาความสุขมาให้พายุเช่นกัน
ร่างกายผมโยกไหวไปทางด้านหน้าตามแรงส่งจากคนด้านหลัง
หัวใจผมเต้นแรงระรัวอย่างน่ากลัว พายุเองก็คงไม่ต่างกัน
เราสองคนกำลังพากันและกันป่ายปีนอารมณ์รักขึ้นสูงไปเรื่อย
“สายฝน...อื้ม”
ปากนุ่มเม้มจูบบนไหล่เปลือยและขบเบาๆ พอให้ผมสั่นสะท้าน
มือหนาลากไล้ไปมาผ่านหน้าท้องแบนราบเคลื่อนต่ำลงไปยังความปรารถนาที่รอรับการปลดปล่อยของผม
เราสองคนเป็นหนึ่งเดียวกัน
เราสองคนกำลังจะเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์
ด้วยความรักและความยินยอมพร้อมใจของเราทั้งคู่
ผมปล่อยมือทั้งสองข้างเท้ายันเตียงนอนอีกหน
ก้มหน้ากัดปากแน่นเมื่อพายุคว้าเอวผมด้วยมือทั้งสองข้างแน่น
แรงถาโถมเข้าหาเน้นย้ำอารมณ์และความรู้สึกทั้งหมดเข้าหาร่างผมอย่างหนักหน่วง
ผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นและปล่อยให้พายุนำพาความรู้สึกขึ้นสู่จุดสูงสุด
“อ๊ะ...
พะ.. พายุ...” ผมสั่นสะท้านทั้งเสียง ร่างกาย และความรู้สึก พายุเร่งจังหวะหนักๆ
เป็นการส่งท้าย ก่อนจะทุกอย่างจะขาวโพลนไปหมด ผมได้แต่กำมือแน่นเมื่อมือหนาเร่งจังหวะให้ผมอย่างไม่มีการติดขัดในอารมณ์
แผ่นหลังของผมเปรอะเปื้อนไปด้วยอารมณ์รักของพายุ
แต่มือหนาข้างนั้นก็เต็มไปด้วยอารมณ์รักของผมเช่นกัน
เราทั้งคู่ต่างทิ้งตัวลงนอนหันหน้าเข้าหากันและกัน
ร่างกายเราหอบกระเพื่อมด้วยความเหนื่อยล้าและการหายใจเข้าออกก็ติดขัดเล็กน้อย
ผมรู้สึกปวดหนึบไปทั้งร่างกาย ขยับแต่ละทีก็ดูเจ็บร้าวไปหมด
แต่ที่หัวใจของผมกลับอบอุ่นและรู้สึกล่องลอยจนต้องดึงมันเอาไว้
กลัวว่ามันจะลอยหายไปกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย
“ฝน...
ขอบคุณนะ” พายุยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ
มันยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตบนหน้าผากและเลื่อนลงมาจูบปากผมอีกครั้ง
“ขอบคุณกูทำไม
กูเต็มใจมอบความสุขให้คนที่กูรัก และมึงเองก็มอบความสุขให้กูเหมือนกันนะพายุ” ผมกุมมือพายุขึ้นมาจุมพิตและนาบมันลงบนอก
หัวใจผมยังคงเต้นแรงและพายุเองก็คงเป็นเช่นกัน
“ขอบคุณที่มึงเดินเข้ามาในชีวิตกู
มาทำให้กูรักและมีความสุขได้มากถึงขนาดนี้
คำขอบคุณอีกแสนล้านคำมันก็ไม่สามารถแทนความรู้สึกของกูได้หรอกนะครับ
รักมึงมากจริงๆ นะฝน” พายุส่งยิ้มจากใจตรงมาให้
ผมยิ้มรับความรู้สึกของพายุเข้ามาเก็บกักเอาไว้ข้างในหัวใจ
แม้ว่ามันจะมีอยู่มากจนล้นเอ่อแล้วก็ตาม
“กูเองก็อยากจะขอบคุณมึงเหมือนกัน
ขอบคุณที่เปิดใจให้กูเข้าไป ขอบคุณที่ทำให้กูรู้ว่ารักแท้มันเป็นยังไง
กูรักมึงมากกว่าเมื่อวานนี้อีกแล้วว่ะพายุ” เราสองคนส่งยิ้มให้กัน
ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ผมจะจำเอาไว้ตราบนานเท่านาน
ค่ำคืนที่เราสองพากันก้าวข้ามความสัมพันธ์ไปอีกหนึ่งขั้น
ความรักของเราจะยืนยาวนาน...
ไปจนถึงไหนกันนะ
..........100%.....
อ่านจบแล้วกลับไปเม้นให้กำลังใจกันได้ที่บ้านนิยายนะคะ >> http://writer.dek-d.com/Writer/story/view.php?id=1271075