Monday, October 28, 2013

[Full] #คือกูต้องการมึง ตอน 10 ครั้งแรกที่พบเจอ (ซิก & เนม)


10. ครั้งแรกที่พบเจอ (ซิก & เนม)

อะไรวะ นี่มันอะไรนักหนาก็ไม่รู้สิน่า เฮียแม่งก็อารมณ์ไม่ดี พี่นายก็หายไปไหนก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เฮียมันไม่อยู่ทั้งทีกะว่าจะแอบมาอ้อนพี่นายสักหน่อย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าพี่นายจะอยู่ห้องเลยนี่หว่า

“มีแต่คนอารมณ์ไม่ดีรึไงก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเครียดอะไรกันนักหนากับชีวิตเนี่ย” ผมเริ่มเบื่อแล้วสิกับการหนีมาอยู่กับเฮียเนี่ย ตอนแรกก็แค่กะว่าจะมาหลบภัยจากไอ้โรคจิตที่มันดูเหมือนว่าจะติดใจผมเสียเหลือเกิน

แต่ทว่าพอมาเจอพี่นายก็เลยเปลี่ยนแผนการนิดหน่อย กะว่าหนีมาหลบภัยด้วยแล้วก็หาทางเล่นกับพี่นายด้วย แต่จนแล้วจนรอดพี่นายก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมเล่นด้วยกับผม ไหนจะเฮียที่แม่งกางปีกกันผมเหลือเกิน ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเมียพี่นายยังไงยังงั้น

หรือว่าจะเป็นวะ...เฮ้ย! ไม่น่าหรอกมั้งก็ไม่เคยเห็นว่าเฮียมันจะยุ่งกับผู้ชายที่ไหนเลยนี่หว่า เห็นควงแต่สาวๆ สวยๆ ทั้งนั้น ถึงผมจะไม่ได้อยู่กับเฮียตลอดเวลาแต่มีหรือที่ผมจะไม่รู้เรื่องของเฮีย มันก็เหมือนที่เฮียรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผมนั่นแหล่ะ

“ไม่หรอก...เฮียกับพี่นายเนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้หรอก” ผมถอนหายใจอย่างหน่ายๆ กับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง แต่พอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ดันไปนึกถึงรองเท้าคู่นั้นของเฮียที่ไปถอดอยู่ที่ห้องของพี่นาย

แต่ถ้าเฮียมันถอดรองเท้าทิ้งเอาไว้แล้วมันแค่เปลี่ยนเอารองเท้าของพี่นายไปใช้ล่ะ ก็น่าจะเป็นแบบนั้นใช่มั้ยวะ...ใช่ดิ เฮียแม่งไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกน่า

“ทำไมมันคาใจกูจังวะ...” ผมสงสัยว่ะ ทำไมอะไรบางอย่างมันทำให้ผมโคตรสงสัยเรื่องของเฮียกับพี่นายเลยวะ อาการหวงเพื่อนแบบเกินไปของเฮียแม่งก็น่าสงสัย ผมไม่รู้ว่าเพื่อนคนอื่นเค้าจะหวงเพื่อนแบบนี้หรือเปล่า แต่ผมไม่ว่ะ

จะว่าเฮียหวงผมนี่ก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย น้ำหน้าอย่างเฮียมันจะรักใครมากกว่าตัวมันเองวะ ผมเป็นน้องก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าเฮียมันจะรักผมมากมายกว่าที่มันรักตัวเองหรอก ผมรู้จักพี่ชายของผมดีหรอกว่ามันนิสัยยังไง

ตั้งแต่เด็กจนโตมาเนี่ยเฮียแม่งเคยเสียสละอะไรให้ผมบ้างมั้ยเล่า ไม่มีหรอกนอกจากแม่จะบังคับเฮียน่ะ ผมเคยชินกับนิสัยเฮียมันแล้วหล่ะเลยไม่ค่อยอยากจะใส่ใจ อยากได้อะไรไปอ้อนแม่ก็ได้แล้ว เรื่องอะไรจะต้องมาขอเฮียให้มันด่าเอาล่ะ

ผมเดินวนไปวนมาในห้องอย่างหงุดหงิดใจไม่รู้จะทำอะไรแล้วเนี่ย พี่นายก็ไม่อยู่เลยไม่รู้จะไปอ่อยใคร จะออกไปเที่ยวก็เซ็งเพราะกลัวจะเจอไอ้นั่น แม่งตามรังควานผมจนอยากให้คนมาลากแม่งไปกระทืบทิ้ง แต่จะบอกให้แม่รู้ได้ไงว่าผมไปนอนกับผู้ชายมา แม่คงยังรับไม่ได้หรอกมั้ง ถึงแม่จะรักผมมากแค่ไหนก็ตามเหอะ

เพราะอย่างนี้ไงเฮียมันถึงได้เอาเรื่องนี้มาขู่ผมไม่ห้ผมยุ่งกับพี่นาย แต่ถ้าเฮียมันไม่อยู่ เฮียมันไม่รู้ก็ไม่ผิดใช่มั้ยวะ แต่พี่นายก็ดันไม่อยู่อีกนี่ดิ หรือว่าที่ออกไปนั่นออกไปหาเมียวะ

จะว่าไปเมียพี่นายก็หน้าตางั้นๆ แหล่ะ ผมไม่ได้อคตินะผมก็ชอบผู้หญิงนะครับ เคยควงคนที่สวยกว่านี้มาหลายคนแล้วด้วยซ้ำ ก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงแบบนั้นมีอะไรดีนักหนาพี่นายถึงได้เอามาทำเมีย อยากรู้ต้องลองใช่ป่ะวะ แต่ถ้าลองไปยุ่งกับเมียพี่นายแล้วพี่นายเกิดจับได้ขึ้นมาจะถูกเกลียดเอาหรือเปล่าวะ แต่แม่งสงสัยและอยากลองว่ะ

“ในหัวกูมันมีแต่เรื่องเลวๆ หรือไงวะเนี่ย” ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ผมเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องพยายามเอามาเป็นของผมให้ได้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลล่ะวะ

ถ้าสมมตินะ ถ้าผมลองจีบเมียพี่นายแล้วเธอดันเล่นด้วยกับผม ดันยอมนอนกับผม...แสดงว่าเธอเองก็ไม่ได้รักพี่นายแบบจริงจังสินะ แม่งอยากรู้ว่ะว่าตกลงแล้วผู้หญิงคนนั้นรักพี่นายจริงๆ หรือเปล่า

“คิดอะไรอยู่ว่ะไอ้ซิก ทำหน้าตาโคตรเลวเลยมึง” เฮียแม่งกลับมาแล้ว กลับมาด้วยสภาพที่โคตรอิดโรย หายไปตั้งแต่ช่วงกลางวัน กลับมาก็มืดค่ำดึกดื่นแบบนี้ ไปหาที่ระบายอารมณ์มาสินะ

“ก็แค่สงสัยว่าถ้าลองจีบเมียพี่นายดูเค้าจะเล่นด้วยหรือเปล่า แค่สงสัยว่ะเฮียว่าเค้ารักพี่นายจริงๆ หรือเปล่า” ผมพูดกับเฮียแบบจริงจัง คิดว่าเฮียมันน่าจะด่าผมแน่ๆ เพราะว่าเฮียมันย้ำตลอดว่าพี่นายมีเมียแล้ว ห้ามยุ่งกับพี่นาย เฮียก็น่าจะรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นด้วยแหล่ะ

“อยากรู้มึงก็ลองดูดิ แต่ถ้าไอ้นายมันรู้มันอาจจะเกลียดมึงก็ได้นะ...แต่ถ้ามันไม่รู้ก็อีกเรื่อง” เฮียมันยิ้มแบบเย็นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน ผมตามเฮียตัวเองไม่ทันว่ะ ตกลงเฮียมันไม่ด่าผมใช่มั้ยวะถ้าผมจะลองจีบหรืออาจจะหาคนมาลองจีบเมียพี่นายดู

คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจหรอก อย่างผมเนี่ยที่ใครต่อใครบอกว่าน่ารักนักหนา ผมน่ะตัวร้ายกว่าที่ใครจะคาดคิดเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะต้องข้ามหัวใครหรือว่าจะต้องเหยียบใครกี่คนผมก็ไม่สนหรอก ผมขอแค่ให้ได้มาในสิ่งที่ผมต้องการ นั่นแหล่ะที่ผมสน

“เฮีย...พี่นายไม่อยู่หรอวะ...”

“แม่งตายไปแล้วมั้ง ตายคาอกเมียมันไง” เฮียมันตะโกนกลับมาทั้งๆ ที่ผมยังถามไม่ทันจบ น้ำเสียงแม่งบ่งบอกมากว่าอารมณ์ไม่ดี เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยุ่งกับเฮียให้มันมาด่าผม ตอนนี้ผมเตรียมตัวออกไปหาเพื่อนดีกว่า ราตรีนี้ยังอีกยาวนานนัก ผมต้องการอาหารตาและอาหารใจ ใครก็ได้ที่จะช่วยให้ผมรู้สึกมีความสุขในค่ำคืนนี้

“เฮีย...ซิกกลับเช้าเลยนะ วันนี้จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนหน่อย” ผมตะโกนบอกเฮีย แม่งตอบกลับมาว่าเรื่องของมึงแล้วก็เงียบไป ไม่ห่วงน้องเลยรึไงวะเฮีย แต่ก็ช่างเฮียแม่งเหอะ สงสัยจะทะเลาะกับพี่นายจริงๆ

“แล้วทำไมกูต้องวกกลับเข้ามาคิดเรื่องเฮียกับพี่นายอีกวะเนี่ย ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่ามั้งกู คืนนี้ขอปลดปล่อยหน่อยเถอะ” ผมสลัดเรื่องของเฮียมันออกไปจากสมองก่อน มันไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกไอ้สิ่งที่ผมคิดเนี่ยมันไร้สาระมาก พี่นายกับเฮียเนี่ยนะ ถ้าผมกับพี่นายเนี่ยค่อยน่าเชื่อหน่อย



ผมเดินแกว่งกุญแจรถพร้อมกับผิวปากอย่างชิวๆ ในลานจอดรถ จุดหมายของผมคือผับแห่งหนึ่งที่พวกผมมักจะไปล่าเหยื่อกันในยามที่นึกครึ้มอกครึ้มใจหรือในยามที่เซ็งๆ ไม่มีอะไรทำ

ใครอาจจะมองว่าพวกผู้ชายอย่างเราๆ เลว ร้าย  แต่ลองมองดีๆ นะครับ ถ้าผู้หญิงไม่เล่นกับเราแล้วเราจะไปทำอะไรกับร่างกายเค้าได้ ผมไม่ใช่พวกชอบขืนใจใคร เพราะส่วนใหญ่แค่เงินบวกกับหน้าตาของผมก็พาให้คนเหล่านั้นเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดของผมแล้ว

ผมมองไปยังรถยนต์ของผมที่จอดอยู่ข้างๆ กับรถของเฮีย อีกแค่ราวๆ สิบกว่าก้าวเท่านั้นผมก็จะเดินถึงรถของผมแล้ว หากไม่มีมือของใครบางคนปิดปากและกอดเอวของผมพร้อมกับลากร่างของผมเข้ามายังมุมอับที่ถูกเสาต้นใหญ่บังเสียจนมิด

“คิดถึงร่างกายนี้จัง” เสียงแหบพร่าที่ชวนขนลุกดังข้างๆ หูของผมพร้อมกับลิ้นที่เลียใบหูของผมไปมา ผมพยายามขัดขืนและดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการกอดรัดของไอ้โรคจิตนี่

แม่งตามมาเจอกูจนได้เลยสินะ...

“คิดถึงนายจัง...ซิการ์” ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องหันไปมองผมก็รู้ว่ามันคือใคร ไอ้คนที่กำลังคุกคามผมอยู่นั้นก็คือไอ้คนที่ผมกำลังพยายามหนี มันรังควานผมจนผมอยู่คอนโดของตัวเองไม่ได้จนต้องย้ายหนีมาอยู่กับเฮีย

ใช่ว่าผมกลัวมันนะ ผมไม่เคยกลัวใครที่ไหนอยู่แล้ว ในกรณีที่คนๆ นั้นเป็นคนที่จิตปกติ ไม่ใช่พวกโรคจิตแบบไอ้นี่ มันโรคจิตมาก...มากจนผมรู้สึกว่าผมพลาดมากๆ ที่ไปนอนกับมัน ถ้าไม่ใช่เพราะความอยากรู้อยากลองบวกกับความหน้าตาดีของมันผมจะไม่มีทางหลงไปยุ่งกับมันอย่างแน่นอน

“อ่า...ผิวหอมๆ นุ่มๆ แบบนี้นี่น่าทำรอยชะมัด” ผมพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นมันยิ่งกอดและรัดผมแน่นยิ่งขึ้น มือของมันพยายามสอดเข้ามาทางด้านในเสื้อ ปากของมันไล่จูบไปทั่วคอของผม แม่ง...กูขยะแขยง

“อื้อ...” ผมไม่สามารถส่งเสียงร้องได้เพราะว่ามือของมันปิดปากผมแน่นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก มันพยายามจะล้วงผมให้ได้ ผมขดตัวงอเพื่อที่จะไม้ให้มันสามารถรุ่มร่ามกับร่างกายของผมได้

แต่ทว่าถ้ายิ่งขัดขืนมันจะยิ่งชอบใจและยิ่งแสดงความโรคจิตของมันกับร่างกายของผม ผมต้องพยายามใจเย็นๆ แล้วหลอกล่อมันให้มันตายใจก่อนใช่มั้ยวะ ต่อให้รู้สึกรังเกียจและขยะแขยงมันมากแค่ไหนก็ตามที

“ไม่ดิ้นแล้วหรอครับซิก...ดิ้นต่อสิครับ ฟรานชอบเวลาที่ซิกขัดขืนฟรานจัง มันยิ่งทำให้ฟรานอยากจะครอบครองซิกมากเข้าไปอีก” มันกระซิบด้วยเสียงที่แหบพร่า แล้วจับผมให้หันหลังพิงกับต้นเสา มือข้างหนึ่งของมันจับที่ใบหน้าของผม มืออีกข้างกอดรัดเอวของผมแน่น

“ตรงนี้จะดีหรอ...” ผมถูกมันเบียดร่างกายเข้ามาหา จะให้กูรวมร่างกับต้นเสาเลยมั้ยไอ้บ้าเอ๊ย อยากจะถีบแม่งให้กระเด็นจริงๆ แถมมันยังยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพร้อมกับเบียดร่างกายเข้ามาซะแนบชิด แถมยังกระแทกเข้ามาเบาๆ แล้วครางซะจนเหมือนได้เข้ามาในร่างกายของผม

บอกอะไรให้อย่างนะว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครว่าคนที่เกิดมาในตระกูลที่สูงๆ ชาติตระกูลดีๆ มันจะนิสัยดีวะครับ ผมขอเถียงขาดใจดิ้น อย่างน้อยๆ ตัวอย่างก็มีให้ผมเห็นเยอะมาก ไอ้ตัวที่กำลังกระแทกเป้ามันเข้ามาหาผมนี่ก็หนึ่งล่ะ

มันเป็นลูกของรัฐมนตรีท่านหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นับถือของผู้คนในสังคม เพราะผมหลงไปกับหน้าตาและนามสกุลของมันบวกกับความอยากรู้อยากลองเลยเสียตัวให้มันครั้งนึง บอกตามตรงว่าผมโคตรมีความสุข เซ็กส์ของมันก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ไอ้ที่เลวร้ายคืออาการโรคจิตของมันที่มันจะพยายามเอาผมให้ได้ทุกที่ทุกเวลาที่มันเกิดความต้องการ

กว่าผมจะหนีมันได้ก็เล่นเอาแทบจะมุดดินหนี ทั้งๆ ที่คิดว่าหนีพ้นแล้วแท้ๆ แต่ก็เสือกมาเจอกันได้อีก ถ้าผมบอกแม่แม่ของผมก็จัดการให้ได้เพราะบ้านผมก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน แต่จะบอกได้ไงว่าเสียตัวให้ลูกรัฐมนตรีที่เป็นผู้ชาย แม่อกแตกตายพอดี

“ถ้ามีคนมาขัดจังหวะเรามันจะดีหรอ” ผมยกมือขึ้นคล้องคอของผม นิ้วไต่วนที่ท้ายทอยของมันไปมาราวกับว่าผมกำลังมีอารมณ์ร่วมกับมัน ทั้งๆ ที่อยากจะฆ่าแม่งทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด

“ซิกว่าเราไปต่อกันที่ห้องของฟรานดีกว่ามั้ย...” ผมถูกมันจูบปากอย่างแรง แรงมากๆ จนผมกลัวว่าปากของผมมันจะแตกเพราะแรงขบแรงเม้มของมัน ผมต้องยอมให้มันจูบผมไปก่อนเพราะว่าอย่างน้อยๆ มันก็น่าจะถ่วงเวลามันได้สักหน่อย ดีกว่าถูกมันลากไปนี่ผมตายคาเตียงแน่ๆ

“ตรงนี้ตื่นเต้นดีออก” ตื่นเต้นบ้านพ่อมึงสิ กูไม่ได้พิศวาสมึงเลยนะถ้าเป็นพี่นายกูจะไม่เล่นตัวเลยจริงๆ


“แต่ถ้ามีคนมาเห็นตอนที่เราทำกันมันจะขัดจังหวะเรานะ ซิกไม่ชอบนี่นา” ผมทำเสียงอ้อนๆ หลอกล่อให้มันตายใจ มันมีทีท่าลังเลเล็กน้อยเหมือนจะเชื่อละคิดตามในสิ่งที่ผมเสนอออกไป

“ถ้าอย่างนั้นไปกับฟราน ไปต่อที่ห้องของฟราน” มันจับมือของผมแล้วจะลากผมไปกับมัน ถ้าผมถูกจับยัดเข้ารถของมันผมก็หมดหนทางหนีเลยน่ะสิ ผมจะทำยังไงดีวะเนี่ย อย่างน้อยๆ ถ้าโทรไปหาเฮียแล้วบอกให้เฮียมาช่วยก็น่าจะพอมีทางรอดหรือเปล่าวะ แต่จะเอาเวลาไหนไปโทรวะเนี่ย

“เดี๋ยวซิกขอไปเอาของที่รถก่อนได้มั้ย ฟรานอย่าใจร้อนน่า...” ผมปัดมือของมันออกจากก้นของผม มึงอยากมากรึไงวะ เดี๋ยวก่อนเถอะเดี๋ยวกูเอาที่ช็อตช็อตแม่งให้กระตุกเลยนี่

“อย่าตุกติกนะซิก กว่าฟรานจะตามหาซิกเจอ...รู้มั้ยว่าฟรานต้องการซิกมากแค่ไหน” มันเลียปากผมพร้อมกับจูบผมหนักๆ ผมเกือบจะกัดปากมันให้แหว่งกัดลิ้นมันให้ขาด แต่ยังยั้งตัวยั้งใจเอาไว้ได้ทัน

“อื้อ...รู้สิ ขอเอาของในรถก่อนแค่ไม่นานหรอก” ผมเดินมาที่รถของตัวเองโดยมีมันเป็นเงาโรคจิตตามมาแบบประชิด มันคงเสี้ยนมากอ่ะเพราะดูจากน้ำเสียงและท่าทางของมันแล้ว มันอยากจะทำกับผมมากแค่ไหน

“อยู่ไหนนะ...” ผมพยายามหาที่ช็อตไฟฟ้าของผมที่มักจะพกติดเอาไว้ในรถเผื่อเวลาฉุกเฉิน แล้วนี่มันอยู่ในสถานการณ์ที่เข้าขั้นฉุกเฉินหรือเปล่าวะ น่าจะใช่แหล่ะเนอะ ถ้าผมไม่อยากจะต้องเป็นเมียไอ้โรคจิตนี่อีกครั้ง ผมก็ต้องพยายามหาทางหนีจากมันให้ได้สินะ

“อ่า...แป๊บนะฟรานซิกยังหาไม่เจอเลย” ผมคว้าสิ่งที่ผมต้องการเอาไว้ในมือพร้อมกับกำแน่น ทำเป็นว่ายังก้มหาของไอ้ห่าฟรานแม่งก็ยืนประชิดหลังผมอยู่ได้ ท่านี้แม่งยิ่งชวนให้มันอยากจะลากผมกลับไปห้องของมันหรือเปล่าวะ

“เจอแล้ว...” ผมมุดตัวออกมาจากรถ พร้อมกับหันไปยิ้มเย็นๆ ให้กับมัน มือของผมที่กำที่ช็อตไฟฟ้าเอาไว้มั่นก็ยื่นตรงไปหาไอ้ฟรานทันที เพื่อที่จะทำการช็อตแม่งให้กระตุกแล้วจะได้อาศัยช่วงที่มันทรมานหนีกลับเข้าไปในคอนโด

แต่ทว่าเหมือนมันจะรู้ทันผม มันเบี่ยงตัวหลบแล้วจับข้อมือของผมแน่น บีบอย่างแรงจนผมต้องปล่อยที่ช็อตไฟฟ้าทิ้งอย่างไร้เรี่ยวแรง มันยิ้มอย่างร้ายกาจแล้วลากผมเข้ามาหามัน โอย...กูเกลียดมึง

“ซิกคิดว่าฟรานไม่รู้พิษสงซิกรึไง ยังไงซะวันนี้ซิกก็หนีฟรานไม่พ้นหรอก เรามารำลึกความหลังของเราสองคนกันเถอะ...” ผมถูกมันดันเข้ามาตรงซอกระหว่างรถของผมกับเฮีย มึงจะเอากูตรงนี้เลยเนี่ยนะ ไร้รสนิยมมากไอ้โรคจิตเอ๊ย

“ปล่อยกู...ปล่อยดิวะ อื้อ...” ผมถูกมันกดให้นั่งลงบนพื้นแล้วมันก็คร่อมขาของผมเอาไว้ มันผลักผมให้เอนหลังไปพิงกับท้ายรถของเฮียแล้วพยายามที่จะถอดกางเกงของผมให้ได้ ผมพยายามหนีบขาของตัวเองเอาไว้แต่ทว่าจะสู้แรงไอ้โรคจิตหื่นกามที่กำลังตันหากลับได้ยังไงวะ

“ซิกหนีฟรานไม่พ้นหรอกน่า หึๆ” ผมไม่รู้จะเอาแรงที่ไหนมาสู้กับมัน แถมนี่ก็ดึกมากแล้วไม่มีใครโผล่หัวมาเลยรึไงวะ อย่างน้อยๆ ถ้ามีคนมาผมก็จะได้แหกปากร้องให้เค้าช่วยผมได้ไง

“มึงจะติดใจอะไรกูหนักหนาวะ ไปหาคนอื่นไปอย่ามายุ่งกับกู” ผมพยายามจะยกขาถีบมันให้ออกไปให้พ้นจากร่างกายของผม แต่ทว่ามันเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักก็ไม่รู้ มันจับขาทั้งสองข้างของผมแล้วกดลงจนผมขยับไปไหนไม่ได้

“ซิกเป็นของฟราน ร่างกายนี้เป็นของฟราน...” เหมือนมันจะเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าวะ ร่างกายนี้เป็นของกูนะเว้ย มันจะเป็นของมึงได้ยังไงวะเนี่ย แต่มันก็ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงอะไรกับมันหรอก ผมว่าผมต้องพยายามหาวิธีเอาตัวรอดให้ได้

ผมรวบรวมแรงทั้งหมดในเฮือกสุดท้ายยกขาทั้งสองข้างขึ้นถีบมันจนมันหงายหลังลงไป ผมรีบลุกขึ้นแล้วพยายามจะวิ่งหนี แต่ทว่าผมกลับถูกดึงข้อเท้าเอาไว้จนทำให้ผมล้มลงกับพื้นอีกครั้ง มันลากข้อเท้าของผมให้กลับเข้ามาในมุมอับอีกครั้ง

เฮือก...

มันต่อยท้องผมจนผมจุกและหมดแรงที่จะขัดขืน มันต่อยซ้ำลงมาอีกครั้งแล้วกดร่างที่ขดงอและเจ็บปวดของผมลงกับพื้น ผมทรมาน ผมเจ็บและปวดไปทั่วทั้งท้อง ผมไม่มีแม้แต่แรงจะขัดขืนเลยสักนิด แม้แต่แรงจะปัดมือมันที่กำลังถกกางเกงของผมลงไปเรื่อยๆ

“ช่วยด้วย...ช่วยซิกด้วย”

..................



จริงๆ แล้วผมก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งเรื่องของไอ้นายมันสักเท่าไหร่หรอก แต่ผมคิดว่าผมคงอยู่เฉยไม่ได้ในเมื่อมันอาการหนักมากขนาดนั้น ไม่ใช่อาการทางร่างกายนะที่หนัก แต่อาการทางใจของมันต่างหากที่หนัก

และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมขับรถตรงมาที่คอนโดที่มันอยู่ ผมไม่ได้มาหาไอ้นายเพราะมันนอนซังกะตายอยู่ที่บ้านนู่น แต่ผมมาหาคนที่เป็นต้นเหตุให้มันมีอาการซังกะตายต่างหาก...ผมมาหาไอ้ไปป์

ผมรู้จักกับมันและเคยเจอมันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ได้สนิทกับมันมากเหมือนอย่างที่ไอ้นายมันสนิทหรอก แค่รู้ความเป็นมาเป็นไปของพวกมันสองคนอยู่ตลอดเวลาก็เท่านั้น และวันนี้ผมตั้งใจว่าจะมาคุยกับมันสักหน่อย

ผมก็ไม่ได้อยากเสือกนะแต่ไอ้นายมันเสือกหน้าเหมือนผม และอย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าผมเห็นหน้ามันที่ทำหน้าอมทุกข์แล้วผมหดหู่ ผมไม่ชอบใจที่มันทำตัวซังกะตายกับเรื่องของความรักแบบนี้ อีกอย่างอยากจะรู้ด้วยว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำไอ้ไปป์ปฏิเสธไอ้นาย ทั้งๆ ที่ไอ้นายรักมันมากขนาดนั้นแท้ๆ

ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะทำให้เรื่องยุ่งขึ้นหรือว่าคลี่คลายลง แต่ผมจะมาพูดกับไอ้ไปป์ให้เคลียร์ ถ้ามันจะไม่รักไอ้นายมันก็ควรจะเลิกยุ่งกับไอ้นายในฐานะเพื่อนนอนหรืออาจจะมากกว่านั้นของมันทั้งคู่

ถ้ามันไม่รักก็ไม่ควรทำเหมือนให้ความหวังกับไอ้นายแบบนี้ เหมือนมันเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรแต่มันก็อ่อนไหวกับเรื่องของไอ้ไปป์มากกว่าที่ไอ้ไปป์จะเข้าใจเสียอีก แม่งไม่เห็นจะเครียดเรื่องที่เมียมันไม่ยอมเลิกเท่าไหร่ เท่าที่ผมมองดูผมว่ามันเครียดเรื่องที่ไอ้ไปป์ไม่ยอมรับรักมันเสียมากกว่า

“วุ่นวายอะไรนักหนาความรักเนี่ย มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอวะ” ผมเลี้ยวรถขึ้นไปตามทางเพื่อไปยังชั้นที่ไอ้นายกับไอ้ไปป์มันอยู่ มาไม่ได้บอกล่วงหน้าแบบนี้ไม่รู้ว่าไอ้ไปป์มันจะอยู่หรือเปล่า แต่ผมก็กะว่าคืนนี้จะนอนค้างที่ห้องไอ้นายเลยเอาคีย์การ์ดห้องมันมาด้วย

ผมมองเห็นเหมือนคนสองคนเดินอยู่ในลานจอดรถชั้นที่ผมกำลังจะหาที่จอด แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องของผม ผมสอดส่องสายตาหาที่จอดรถและจัดการจอดรถเข้าที่ให้เรียบร้อย เตรียมตัวไปคุยกับไอ้ไปป์ให้มันจบๆ ไปซะ ถ้าไอ้นายมันรู้มันอาจจะโกรธที่ผมทำอะไรไม่ถาม แต่ผมเชื่อว่ามันน่าจะขอบใจผมในภายหลัง

ผมมองไปรอบๆ ก็ไม่พบว่ามีคนอยู่ในบริเวณลานจอดรถของชั้นนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีรถสวนออกไปแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ผมจัดการล็อครถแล้วเตรียมตัวมุ่งหน้าเดินเข้าไปยังด้านใน แต่ทว่าผมกลับได้ยินเสียงร้องของคนนี่สิ เหมือนเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย...ช่วยซิกด้วย”

“ช่วยด้วย...อื้อ...”

เสียงร้องดังขึ้นมาติดต่อกันสองครั้ง แล้วเสียงก็เงียบหายไป ผมจะไม่สนใจก็ได้เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรของผม แต่ทว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแม่งก็เหี้ยเกินไป เดี๋ยวเกิดมีใครมาตายที่นี่ผมจะบาปไปด้วยซะเปล่าๆ

ผมมองเห็นประตูรถคันหนึ่งเปิดกว้างเอาไว้ ตรงข้างๆ มีอะไรบางอย่างตกอยู่ ผมเดินเข้าไปหารถคันนั้นเพราะว่ามันมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นนี่หว่า พอผมเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมก็เห็นว่ามีคนสองคนกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ตรงมุมอับซอกกึ่งกลางระหว่างรถสองคนที่จอดอยู่ คนหนึ่งกำลังพยายามที่จะข่มขืนอีกคนที่นอนขดตัวงออยู่กับพื้น ถามว่าทำไมผมถึงคิดว่านี่คือการข่มขืน เพราะว่าสภาพของคนที่อยู่ด้านล่างนี่ไม่ได้สมยอมเลยนี่หว่า

ผมเดินเข้าไปอย่างไม่ได้ส่งเสียงอะไร พร้อมกับถีบไอ้เวรนั่นเต็มตีนจนมันกระเด็นไปกระแทกกับผนังอย่างจัง คนที่นอนขดตัวอยู่นี่ผู้ชายนี่หว่า ท่าทางจะยังเด็กอยู่เลย หน้าตาที่ดูทั้งตกใจและดีใจที่เห็นหน้าผมพร้อมกับชื่อที่หลุดออกมาจากปากของเด็กคนนี้ทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย

“พี่นาย...ช่วยซิกด้วย มันจะขืนใจซิก” เด็กคนนี้เป็นใครผมไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆ น่าจะเป็นคนรู้จักของไอ้นาย และคงจะเข้าใจว่าผมเป็นไอ้นายอย่างแน่นอน ผมก้มลงไปหมายจะดึงเด็กคนนี้ขึ้นมาแล้วพาออกมาจากตรงนี้ แต่เพราะว่าไม่ทันระวังเลยถูกไอ้เวรนั่นถีบมาอย่างแรงจนเซหงายหลังลงไปกองที่พื้น

มันถลาเข้ามานั่งคร่อมทับแล้วต่อยเข้าที่หน้าผมอย่างจัง ผมพลิกมันลงแล้วต่อยมันไม่ยั้งเช่นกัน ผมได้เปรียบมากกว่าเพราะว่าผมตัวใหญ่กว่ามัน ผมกดตัวมันด้วยเข่าของผมแล้วต่อยเข้าที่หน้าของมันแบบระรัว ผมมองเห็นที่ช็อตไฟฟ้าที่ตกอยู่ไม่ห่างก็เลยเอื้อมมือจนสุดแขนไปคว้ามันมาถือเอาไว้แล้วจ่อเข้าที่อกของมันแบบไม่ได้กดทำงาน

“ไอ้สัด...ถ้ามึงขยับกูช็อตมึงแน่” มันยอมหยุดนิ่งแล้วยกมือขึ้นเหมือนว่าจะยอมแพ้ แต่ผมไม่เชื่อใจมันหรอกเพราะสายตามันดูอาฆาตผมมากและพร้อมที่จะเอาคืนผมตลอดเวลา

ผมใช้ที่ช็อตตบเข้าที่หน้าของมันอย่างแรงจนมันมึนและดูงงมาก ผมเตะซ้ำเข้าที่กลางลำตัวของมันอย่างแรงแล้วรีบหมุนตัวกลับไปช้อนร่างของเด็กนั่นขึ้นมาอุ้มเอาไว้ ก่อนจะพามันเดินเข้ามาทางด้านในอย่างเร่งรีบ

“พี่นาย...อย่าเพิ่งพาซิกไปหาเฮียนะ ซิกไม่อยากให้เฮียไปป์รู้ว่าเกิดอะไรกับซิก เดี๋ยวเฮียไปบอกแม่แล้วแม่จะให้ซิกกลับบ้าน” ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เป็นใคร แต่ทว่าจากเท่าที่ฟังดูเด็กนี่น่าจะเป็นอะไรสักอย่างกับไอ้ไปป์

“ไปห้อง...กูก่อนแล้วกัน” ผมสวมรอยเป็นไอ้นายตามที่เด็กนี่มันเข้าใจไปก่อนแล้วกัน ยังไงซะเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมก็กลับแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันกันอีก เอามันไปนอนในห้องของไอ้นายก่อนแล้วกันท่าทางจะอาการหนักเอาการตัวขดงอแบบนี้คงถูกต่อยมาแน่ๆ

“พี่นาย...อย่าบอกเฮียนะ” มันกำเสื้อของผมแน่น ผมเดินพามันเข้ามาทางด้านในและตรงมาที่หน้าห้องของไอ้นาย กว่าจะเปิดประตูห้องได้ก็ลำบากเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมก็พามันเข้ามาทางด้านในห้องเรียบร้อยแล้ว

“กูไม่พูดเรื่องของมึงหรอกน่า” ผมพามันเข้ามาทางด้านใน ห้องของไอ้นายเป็นระเบียบเหมือนเดิม ผมมาที่นี่แค่ไม่กี่ครั้งหรอกเพราะผมชอบนอนบ้านมากกว่า จะมานอนคอนโด(ของผม) ก็ตอนที่ผมพาผู้หญิงมานอนด้วยเท่านั้นนั่นแหล่ะ

“ซิกปวดท้อง...” มันนอนตัวขดงออยู่บนโซฟาสีหน้าดูทรมานอยู่ไม่น้อย เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยรอยดูดแถมเสื้อที่ใส่ก็ถูกกระชากจนกระดุมหลุดไปหลายเม็ด ตอนที่ผมไปเจอรู้สึกเหมือนมันถูกถกกางเกงลงไปแล้วด้วย แต่ก็ยังเหลือบ็อกเซอร์อยู่

“นอนนิ่งๆ เดี๋ยวกูไปหากระเป๋าน้ำร้อนดูก่อนว่ามีหรือเปล่า” ผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยว่าในห้องของไอ้นายมันมีอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง แต่มันเป็นคนเก็บของเป็นระเบียบมันน่าจะหาไม่ยากหรอกมั้ง

“แล้วมันเรื่องอะไรกูต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายแบบนี้ด้วยวะ แต่ก็ช่างแม่งเหอะถือซะว่าช่วยเด็กมันก็แล้วกัน...” พอได้มองหน้าเด็กคนนี้ชัดๆ แม่งก็น่ารักดีหรอก ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะถูกไอ้เวรนั่นลากไปหมายจะขืนใจแบบนั้น

ผมรื้อๆ ตามลิ้นชักก็เจอกับกล่องปฐมพยาบาลกับกระเป๋าน้ำร้อน เลยจัดการต้มน้ำให้พออุ่นแล้วเทใส่กระเป๋าน้ำร้อนเดินกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อที่จะเอาไปประคบท้องให้มัน ก็ไม่รู้ว่ามันจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า ผมไม่มีความรู้เรื่องที่จะต้องมาคอยดูแลใคร

“ไอ้นี่แหล่ะที่ทำให้ซิกต้องหนีมาอยู่กับเฮีย แต่มันก็ดันเสือกตามมาเจอซิกแบบนี้ มันต้องไม่ยอมลามือง่ายๆ แน่เลย” ผมเอาผ้าพันกระเป๋าน้ำร้อนให้มันบรรเทาความร้อนลงบ้าง กลัวว่าจะร้อนเกินไปแล้วมันจะลวกผิวขาวๆ ของเด็กนี่เข้า

“มันโรคจิตมากเลยพี่นาย มันจะเอาซิกให้ได้เลย...ซิกไม่ยอมมันหรอก แต่ถ้าเป็นพี่นาย...ซิกจะไม่ขัดขืนเลยนะ” มันยิ้มแบบยั่วๆ ให้กับผม ทั้งๆ ที่มันดูอ่อนแรงอยู่แท้ๆ ผมก็ว่ามันน่ารักดีนะ รูปร่างมันก็น่าฟัดอยู่เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่ผมกำลังสงสัย ประเด็นที่ผมกำลังคิดและสงสัยก็คือ

ถ้าเด็กนี่เป็นน้องไอ้ไปป์ แล้วที่มันพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง มันพูดเหมือนกับว่ามันชอบไอ้นาย อยากจะมีอะไรกับไอ้นาย อย่าบอกนะว่าไอ้นายแม่งได้ทั้งพี่ทั้งน้องแล้ว...แม่งแอบร้ายนะไอ้น้องชาย

“มีแรงแล้วรึไงวะ นอนนิ่งๆ เหอะเดี๋ยวกูไปหาไอ้ไปป์ก่อน...” ผมจะเดินออกมาแต่มันก็คว้ามือของผมเอาไว้แล้วยื้อไม่ให้ผมไป มันมองหน้าผมด้วยสายตาหวาดๆ อาจจะยังกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ มันกำมือของผมเอาไว้แน่นแล้วดึงให้ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆ ร่างของมันที่นอนประคบกระเป๋าน้ำร้อนอยู่

“พี่นาย...ซิกกลัวจัง อยู่เป็นเพื่อนซิกก่อนได้มั้ย เฮียมันอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ด้วย พี่นายอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมันเลย” มือเล็กๆ นั่นกำมือของผมแน่นแล้วมองผมอย่างร้องขอ ผมก็ไม่ได้ใจดำอะไรหรอกนะ ยิ่งกับคนน่ารักนี่ใจดำไม่ลงว่ะ

“นอนไปเดี๋ยวกูอยู่เป็นเพื่อน...” สงสัยวันนี้ที่ตั้งใจว่าจะมาคุยกับไอ้ไปป์คงต้องยุติความคิดนั้นลงไปก่อน เด็กมันเพิ่งเจอเรื่องแย่ๆ มาจะทิ้งเอาไว้ก็ใช่ที่ ปกติแล้วผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นจะตาย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาตัวเองไปเสือกกับเรื่องของเด็กนี่ทำไม

“พี่นายปากแตกนี่...ซิกขอโทษนะที่ทำให้พี่นายเจ็บตัวแบบนี้” มันค่อยๆ เท้าแขนกับโซฟาแล้วยันตัวลุกขึ้นมาเล็กน้อย อยู่ดีๆ มันก็ยื่นหน้ามาจูบปากผมเบาๆ ลิ้นเล็กๆ นั่นเลียกลีบปากของผมไปมา เหมือนว่ามันจะยั้งนิดๆ อย่างรอดูว่าผมจะว่าหรือจะขัดขืนอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อมันไม่เห็นว่าผมจะผลักไสอะไร มันก็กดจูบลงมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วงและดูร้อนแรงมากยิ่งขึ้น

เด็กนี่ร้ายไม่เบา...

ผมถูกโอบกอดรอบคอเอาไว้แล้วถูกโน้มลงไปตามแรงดึงของมัน ปากของเรายังคงประกบจูบกันอยู่ เท่าที่ดูแล้วเด็กนี่แรงใช้ได้ แค่จูบของเด็กนี่เท่านั้นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าเด็กคนนี้เจนจัดเรื่องอย่างว่า

“แปลกจังนะ...ครั้งนี้พี่นายไม่ขัดขืนซิกแฮะ เห็นทุกทีไล่ซิกตลอด ไม่กลัวเฮียมันโกรธแล้วหรอ” มันยังคงคลอเคลียอยู่ที่ปากของผม ท่าทางมันจะขยับตัวมากไม่ค่อยได้เพราะแอบเห็นมันกัดปากแล้วร้องเบาๆ ตอนที่มันโน้มผมลงมานอน เจ็บแล้วยังไม่เจียมอีกนะมึง

“ก็ถ้าไอ้ไปป์มันไม่รู้...ก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอวะ” ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อย เสนอมาแล้วไม่สนองก็ไม่ใช่ผมอ่ะ ผมเข้าใจนะว่าทำไมไอ้นายมันไม่สนองทั้งๆ ที่เด็กนี่แม่งทั้งยั่ว ทั้งอ่อย และน่ารักมากขนาดนี้ เพราะว่ามันรักไอ้ไปป์ไง และถ้ายิ่งเด็กนี่เป็นน้องไอ้ไปป์ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่ยุ่งด้วยหรอก

แต่ผมไม่ใช่ไอ้นายนี่หว่า...หึๆ

“ที่ผ่านมาพี่นายกลัวเฮียรู้สินะ พี่นายไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าซิกไม่พูด พี่นายไม่พูด เฮียมันก็ไม่รู้เรื่องของเราหรอก” มันยิ้มอย่างยั่วเย้าแล้วโน้มผมให้ลงไปจูบกับมันอีกครั้ง กระเป๋าน้ำร้อนแม่งเกะกะฉิบหาย ผมจับมันโยนทิ้งไปอย่างรำคาญใจ พร้อมกับขึ้นมานั่งคร่อมทับร่างของมันเอาไว้ ไม่ได้กดน้ำหนักลงไปเพราะกลัวว่ามันจะเจ็บและจุกท้อง

“ถ้ามึงสัญญาว่าจะไม่พูด ไม่ทำให้ไอ้ไปป์มันรู้เรื่องของเรา...กูอาจจะสนองในสิ่งที่มึงต้องการให้ก็ได้นะ” ผมเกลี่ยแก้มของมัน ผิวของเด็กนี่ใสเนียนและนุ่มแถมยังหอมอีกต่างหาก ไอ้นายมันมีอะไรดีวะถึงได้มีเด็กน่ารักแบบนี้มาชอบ

“ซิกไม่พูดหรอก...ถ้าพี่นายมีอะไรมาปิดปากซิก...ซิกจะไม่พูดอะไรเลย” มันขยิบตาน้อยๆ ผมยิ้มมุมปากอย่างชอบใจเด็กนี่แรงใช้ได้จริงๆ ถ้าผมเป็นไอ้นายผมจะสนองให้หายอยากแล้วค่อยเขี่ยทิ้งเวลาที่เบื่อ

แต่ว่าเด็กนี่เชื่อว่าผมเป็นไอ้นายจริงๆ หรอวะ แต่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่เพราะว่าผมกับไอ้นายเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันมาก ที่เราแตกต่างกันมีแค่นิสัยเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคนที่ไม่สนิทและไม่คุ้นเคยกับเราจะไม่มีทางแยกเราสองคนออก ยิ่งผมกับไอ้นายนี่ใจตรงกันตลอด ตัดผมทรงเดียวกัน แนวการแต่งตัวเหมือนกัน ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง

“แต่ว่าตอนนี้พี่นายช่วยทำให้ซิกรู้สึกดีหน่อยได้มั้ย พี่นายช่วยลบรอย ของไอ้ฟรานจากตัวซิกได้รึเปล่า...นะพี่นาย” ผมรู้ว่ามันต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็อยากเล่นกับมันด้วยเลยสนองให้มันแบบไม่มีอิดออด จริงๆ ผู้ชายไม่ใช่รสนิยมของผมสักเท่าไหร่ ยกเว้นไอ้เด็กนี่เอาไว้สักคนแล้วกัน เพราะว่ามันน่าลองมากจริงๆ

ผมไล้ฝ่ามือลงบนผิวกายของน้องไอ้ไปป์อย่างแผ่วเบา แหวกเสื้อของมันออกจากกัน เห็นรอยบนตัวมันหลายรอยแถมยังมีรอยฟันอีกต่างหาก ไอ้นั่นท่าทางจะโรคจิตเข้าขั้นจริงๆ

“สัญญากับกูก่อนว่ามึงจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ...แล้วกูจะทำให้มึงลืมเรื่องแย่ๆ ที่มึงเจอ” มันพยักหน้ารับอย่างไม่รีรอ

..........CUT……..

ผมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับก้มลงจูบเบาๆ บนรอยที่หน้าอกของมัน ผมไม่สนหรอกว่าไอ้ห่านั่นเป็นคนทำรอยเอาไว้ ผมสนแค่ผิวนุ่มๆ ที่น่าทำรอยที่ผมกำลังจูบอยู่ต่างหาก

“อ่า...แค่พี่นายจูบซิกก็รู้สึกดีแล้วอ่า คิดแล้วไม่มีผิดว่าถ้าได้ลองกับพี่นายมันต้องถึงใจแน่ๆ” หึๆ โทษทีนะที่กูไม่ใช่ไอ้นายแค่คนที่หน้าเหมือนมันก็เท่านั้น แต่กูทำให้มึงถึงใจได้มากกว่าที่ไอ้นายมันทำแน่นอน

“มันขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้นเป็นใคร ถ้ากูถูกใจกูก็จะทำให้อย่างถึงใจ...แต่ถ้ากูไม่ถูกใจแม้แต่หางตากูก็ไม่มอง” ผมถอดเสื้อของผมออก เพราะการที่ผิวสัมผัสกับผิวมันให้ความรู้สึกที่สยิวมากกว่า ผมเอี้ยวตัวโยนเสื้อทิ้งไปที่โซฟาอีกตัว

“งั้นแสดงว่าพี่นายก็ถูกใจซิกสินะ...ว่าแต่ว่าพี่นายสักด้วยหรอ...ครั้งก่อนไม่เห็นจะมีรอยสักเลย” ผมก้มลงจูบปากของมันเพื่อเลี่ยงที่จะตอบ นี่อาจจะเป็นอีกข้อสังเกตที่จะแยกผมกับไอ้นายได้ เพราะว่าไอ้นายมันไม่สัก ในขณะที่ผมมีรอยสักปีกซาตานที่กลางหลัง ซึ่งคนที่จะเห็นก็มีแค่คนที่ได้นอนกับผมเท่านั้น

ผมลูบผิวกายของมันไปมา เน้นย้ำที่หน้าอกของมันแรงกว่าที่อื่น ไล้ปากและจมูกไปทั่วใบหน้าของมันอย่างชอบใจ ผิวหอมๆ นุ่มๆ แบบที่ผู้ชายไม่น่ามีนี่ทำให้มองข้ามเรื่องที่ว่ามันเป็นผู้ชายไปได้อย่างสนิทใจ

“พี่นาย...สยิวจัง” มันครางเรียกชื่อไอ้นายยามที่ผมเม้มผิวของมันไปทั่ว ลิ้นที่ลากไปมาตามผิวของมันทำให้มันสั่นสะท้านได้ไม่ยาก ผมตวัดลิ้นเลียที่ยอดอกของมันไปมาแล้วขบเม้มด้วยริมฝีปากงับยอดอกของมัน ดูดแรงๆ อย่างแสดงความรู้สึกและความต้องการของผม มันสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

“อื้อ...พี่นาย ซิกชอบจัง แรงกว่านี้อีกได้มั้ย” มันร้องขอให้ผมแสดงอารมณ์ของผมให้มากกว่านี้ ผมไม่อยากจะรุนแรงกับมันเหมือนอย่างที่ทำกับคนอื่นๆ เซ็กส์ของผมค่อนข้างรุนแรงทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวพันผมจะรู้ในข้อนี้ดี

แต่ทว่ามันเพิ่งถูกทำร้ายมาแบบนั้น ถ้าผมออกแรงกับมันมากจะยิ่งทำให้มันเจ็บและเซ็กส์ของเราก็จะไม่สนุกอย่างแน่นอน ไม่ใช่พอถึงเวลาโยกกันอยู่แล้วมันเกิดเจ็บท้องจนทนไม่ไหวแล้วต้องเลิกกลางคัน มันจะทำให้ผมหงุดหงิด

“ครั้งนี้กูจะทำแค่ลบรอยให้มึงเท่านั้น ไว้ถ้าครั้งหน้าค่อยว่ากันอีกที รอให้มึงหายปวดท้องก่อนดีกว่า” ผมเลียปากมันเบาๆ พร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปทางด้านใน ลิ้นของมันดันลิ้นของผมไปมาอย่างไม่ยอมแพ้ เราเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นกันอย่างไม่คิดจะยอมให้กับอีกฝ่าย ผมต้องค้ำยันร่างของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไปนอนทับมัน ไม่อยากจะถูกท้องมันเท่าไหร่เพราะดูท่าจะช้ำเอาเรื่องเหมือนกัน

“โอกาสดีๆ แบบนี้จะมีอีกหรอ เฮียแม่งหวงพี่นายจะตายไปจนซิกแอบคิดไปแล้วนะว่าพี่นายกับเฮียเป็นมากกว่าเพื่อนกัน...” แสดงว่ามันไม่รู้จริงๆ สินะ ผมก้มลงกดจูบที่ท้องน้อยของมันแล้วเลียลากไล้ลงไปยังส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้บ็อกเซอร์ มือของผมข้างหนึ่งเค้นคลึงอกของมันไปมาเพื่อที่จะเลี่ยงการต่อบทสนทนากับมัน

ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลยสักนิด เพราะฉะนั้นผมไม่ควรจะพูดอะไรมากให้ความมันแตกเอาได้ ผมสนใจเด็กนี่ อยากจะลองกับมันสักตั้งว่าไอ้ที่น่ารักๆ แบบนี้มันมีส่วนร้ายซ่อนอยู่มากแค่ไหน

แต่ผมต้องกำชับกับมันเอาไว้ก่อนว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร ไม่อย่างนั้นงานเข้าไอ้ห่านายแน่ๆ ถ้าไอ้ไปป์มันเข้าใจผิดไปอ่ะนะ ผมไม่อยากสร้างเรื่องให้มันเครียดมากกว่านี้ แต่ก็อดใจไม่ได้จริงๆ ว่ะ เด็กนี่มันน่าเล่นด้วยนี่หว่า

“แต่ซิกอยากให้พี่นายเข้ามาในตัวซิกจัง...” ผมดึงกางเกงของมันลงไปกองที่เข่า แล้วลูบส่วนที่ค่อนข้างแสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันต้องการผม...ไม่สิ มันต้องการไอ้นายมากแค่ไหน

เดี๋ยวกูรับผิดชอบหน้าที่นี้แทนมึงเองนาย กูเป็นพี่ที่ดีใช่มั้ยล่ะ หึๆ

“กูเข้าไปแน่....แต่ไม่ใช่วันนี้” ผมเงยหน้าขึ้นมาบอกกับมัน ก่อนจะก้มลงจูบและเลียสิ่งที่แข็งขืนของมัน มันบิดตัวเร่าๆ แล้วครางเรียกชื่อของไอ้นายไม่หยุดปาก เรื่องชื่อไม่สำคัญหรอกเพราะคนที่กำลังทำให้มันคือผม ให้มันเข้าใจไปก่อนว่าผมคือไอ้นาย ไว้ถ้าความแตกเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที

“พี่นาย...อ่า ปากพี่นายอุ่นจัง” มันร้ายนะไอ้เด็กนี่ ท่าทางจะเจนจัดมากจริงๆ มันเด้งตัวขึ้นมาน้อยๆ เพื่อให้สิ่งที่อยู่ในปากของผมเข้ามาลึกยิ่งขึ้น ผมเม้มและดูดดุนแรงๆ แกล้งให้มันทรมานและครวญครางอย่างถูกใจ

“อื้อ...พี่นาย ซิกชอบจัง อ่า” มันจิกโซฟาแน่นแล้วบิดตัวไปมายามที่ผมเร่งจังหวะด้วยปากของผม แม่งตัวไอ้เด็กนี่แม่งหอมไปทั้งตัว ผิวมันก็เลี่ยมเชี่ยมไม่เหมือนเด็กผู้ชายเลยว่ะ ไอ้นายมันไม่อยากลองบ้างหรอวะ หรือว่ามันชอบแนวเอาแต่ใจร้ายๆ แบบไอ้ห่าไปป์

หรือเพราะว่ากูชอบให้คนเอาใจมากกว่าจะตามเอาใจใครวะ...

“อื้อ...พี่นายรุนแรงดีจัง แต่ซิกชอบอ่ะ” ผมเม้มแรงๆ และเปลี่ยนมาเป็นใช้มือที่รูดรั้งส่วนแข็งขืนของมันอย่างถี่รัว ผมเลื่อนตัวไปจูบปากของมันอย่างแลกลิ้นกันเนิ่นนาน มันดิ้นไปมาใต้ร่างของผม แต่มันคงเจ็บท้องน่าดูแต่ความต้องการแม่งไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ ไม่เห็นมันจะบอกให้หยุด แต่ทว่ามันกลับร้องให้ทำแรงๆ มากเข้าไปอีกซะด้วยซ้ำ

“อื้อ...พี่นาย ซิกจะไม่ไหวแล้ว อ่า...” มันร้องครางอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้น ก่อนที่มือของผมจะเลอะเปรอเปื้อนไปด้วยอารมณ์ของมัน ผมปาดมือลงบนร่างกายของมันแล้วลากลิ้นเลียไปตามร่องรอยที่ปาดเอาไว้บนตัวมัน ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด แถมยังทำให้คนที่นอนอยู่ใต้ร่างของผมระทวยและมีความสุขแม้ว่าผมจะไม่ได้เข้าไปในร่างกายของมันก็ตามที

“รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยพี่นาย ขอบคุณน้า” มันกอดแขนของผมเอาไว้แน่นแล้วยิ้มอย่างออดอ้อนมาให้กับผม แม่งน่าจับกระแทกฉิบหาย แต่ไม่เป็นไร ผมยังมีโอกาสเจอกับมันอีกหลายครั้ง ตราบเท่าที่ไอ้นายมันยังไม่กลับมาอยู่ที่นี่

แต่ถ้ามันกลับมาอยู่แล้วความแตกก็ดี เพราะผมจะได้ให้มันครางเป็นชื่อผมไม่ใช่ชื่อไอ้นายแบบนี้...หึ

……….CUT………

“นอนไปเดี๋ยวกูเช็ดตัวให้ ครั้งนี้กูไม่ทำมากกว่านี้ แต่ถ้าครั้งหน้ามึงเตรียมใจได้เลย กูไม่หยุดง่ายๆ แน่” ผมกระซิบบอกกับมัน จูบมันแรงๆ อีกครั้งก่อนจะผละออกมา ไม่อย่างนั้นผมจะไม่สนแล้วว่ามันปวดท้องหรือเปล่า ไม่สนว่าความจะแตกหรือเปล่า เพราะผมไม่สนอยู่แล้ว ผมสนแค่ความต้องการของตัวเอง

“นัดวันเวลาสถานที่มาได้เลย...ซิกไม่หวั่นอยู่แล้ว” มันส่งเสียงตามหลังผมมา ผมยิ้มน้อยๆ อย่างถูกใจ ท่าทางผมจะได้ของเล่นใหม่เจ๋งๆ แล้วสินะ

รับรองเลยว่ามึงจะลืมกูไม่ลงเลยไอ้ซิก...

……..100%........

รบกวนช่วยติดแท็ก #คือกูต้องการมึง เวลาที่ทวิตถึงนิยายเรื่องนี้หน่อยนะคะ ^^
อ่านจบช่วยกลับไปเม้นที่บ้านนิยายด้วยนะคะ


Sunday, October 20, 2013

NC #ยุ่งนัก 67. มันคงเป็นความรัก -พายต่อ-



67. มันคงเป็นความรัก

“ไม่อาบได้มั้ยวะ...” ผมเม้มปากเล็กน้อยยามที่พี่พายมันก้มหน้าลงมาขบที่ผิวบริเวณไหล่ของผมเบาๆ นิ้วมือของพี่พายมันเกี่ยวขอบบ็อกเซอร์ของผมลงทีละน้อย ผมใช้มือดึงแล้วยื้อมันเอาไว้ แต่พี่พายก็จับมือของผมออกแล้วค่อยๆ เกี่ยวบ็อกเซอร์ของผมให้ไหลลู่ลงไปจนสุดข้อเท้า

ความรู้สึกของผมในตอนนี้มันร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าทั้งตัว พี่พายมันคุกเข่าอยู่ที่พื้นห้องน้ำ แล้วเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่อาจจะมองหน้ามันนานไปกว่านี้ได้ ผมเอนหลังพิงผนังแล้วหลับตาลงทันที

ใครแม่งจะกล้าลืมตาวะ ในเมื่อตรงข้ามกับผมแม่งเป็นกระจกบานโต ผมไม่กล้ามองหน้าตัวเองในตอนนี้หรอก แม่งอายตัวเองสัดอ่ะ พี่พายแม่งทำแบบนี้กับผมอีกแล้วนะ ทำให้ผมระทวยจะตายห่าคามือคาปากมันเนี่ย

“ต่อ...ลืมตาสิ มองหน้าตัวเองจะได้รู้ว่าทำไมพี่ถึงได้จะตายทุกครั้งที่มีเซ็กส์กับต่อ” เรื่องอะไรกูต้องลืมตาวะพี่พาย มึงอยากทำอะไรกับร่างกายกูก็ทำไปดิห่า กูพยายามเสียวแบบเงียบๆ คนเดียวแล้วนะเว้ย มึงอย่ามาทำให้กูเตลิดมากไปกว่านี้

“พี่บอกให้ลืมตาไงต่อ” พี่พายหยุดการกระทำทุกอย่าง ปากที่มอบความสุขให้กับผมจูบลงบนส่วนที่พี่พายเพิ่งปล่อยให้เป็นอิสระเบาๆ ผมแทบทรุดลงไปกองที่พื้นหลังจากที่พี่พายเร่งจังหวะให้กับผมแบบถี่รัว แต่อยู่ดีๆ พี่พายก็หยุดทุกการกระทำ แล้วยืนขึ้น

“กูอายเป็นนะเว้ยพี่พาย” ผมลืมตามองหน้าพี่พายอย่างเก้อๆ เขินๆ พี่พายอ้อมมายืนทางด้านหลังของผม มือคู่นั้นจับหน้าผมให้หันไปมองกระจกเงา สิ่งที่สะท้อนกลับมาคือผมที่ถูกพี่พายสวมกอดจากทางด้านหลัง หน้าหล่อๆ นั่นเกยลงบนไหล่ของผม สายตาพราวระยับที่จ้องมองสบตากับเงาสะท้อนของผมในกระจกเงานั้น มันทำให้ผมละลายได้ดีจริงๆ

“อย่าหลับตานะต่อ...” พี่พายกระซิบบอกด้วยเสียงที่ดูอ้อนๆ มากกว่าสั่ง แล้วผมจะขัดใจมันลงได้ยังไง ทั้งๆ ที่ผมอายแสนอายยามที่เห็นสีหน้าของตนเองเวลาที่ถูกพี่พายสัมผัสร่างกายแบบนั้น

“อื้อ...” ผมพยักหน้ารับพร้อมกับมองกระจกเงาด้วยความเก้อเขิน พี่พายไล้ ริมฝีปากไปทั่วผิวที่เนินไหล่ของผม ฝากรอยเอาไว้เล็กน้อยประปราย มืออีกข้างของพี่พายไล้ไปทั่วหน้าอกของผม บดคลึงเค้นคลึงยอดอกของผมจนผมสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

สายน้ำจากฝักบัวไหลรินลงมาเป็นสายทำให้ร่างกายของเราสองคนเปียกและลื่นมากยิ่งขึ้นเวลาที่เราสัมผัสซึ่งกันและกัน ผมมองดูสีหน้าของตัวเองอย่างเก้อเขิน ต่อให้เคยมีอะไรกันมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ทว่าผมก็ยังคงเขินพี่พายเสียทุกครั้ง การที่มีใครมาทำอะไรแบบนี้กับร่างกายของเรานั้น มันทำให้รู้สึกว่าทั้งเขินทั้งอายมากจริงๆ นะเว้ย

“อื้อ...พี่พาย กูเจ็บ” พี่พายมันหยิกนมผมอ่ะ ไอ้ห่าโรคจิตเดี๋ยวก็หยิกกลับบ้างเลยนี่ ยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองได้คนโรคจิตมาเป็นแฟนเหอะ

“โทษทีครับ มันอดไม่ได้” พี่พายแม่งเลียปากผมเบาๆ แล้วค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามาทางด้านใน เราสองคนจูบแลกลิ้นกันอย่างโหยหา พี่พายหมุนตัวมาอยู่ทางด้านหน้าของผมพร้อมกับดันผมเข้าไปชิดกับผนังอีกครั้ง ผมยกมือขึ้นโอบกอดรอบคอของพี่พายเอาไว้แนบแน่น

“ต่อ...ทำให้พี่หน่อย” พี่พายไม่ได้มองหน้าผม แต่พี่พายกระซิบบอกกับผมอย่างอ้อนๆ ผมกัดปากตัวเองเบาๆ อย่างชั่งใจว่าจะยอมทำตามที่พี่พายมันขอดีหรือเปล่า แต่ถ้าพี่พายมันเอ่ยปากขอผมเองก็จะยินดีทำให้มันก็แล้วกัน ที่ผ่านมาพี่พายเป็นคนมอบความรู้สึกเหล่านี้ให้กับผมมาตลอด

“อื้อ...เพื่อความสุขของพี่พายนะ” ผมบอกกับพี่พายแบบโคตรเบา พี่พายจูบหน้าผากของผมแผ่ว ก่อนที่จะปล่อยให้ผมนั่งลงคุกเข่ากับพื้น ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ผมไม่ค่อยทำอะไรแบบนี้ให้พี่พายเท่าไหร่ แต่ผมก็จะพยายามทำมันให้พี่พายมีความสุขด้วยกันกับผม

สัมผัสของผมอาจจะไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ แต่ทว่าผมก็ตั้งใจมอบความสุขให้กับพี่พาย มือของผมเกาะที่เอวของพี่พายเอาไว้ ปากและลิ้นของผมเริ่มต้นสร้างความสุขให้กับพี่พาย ผมอาจจะไม่เก่งเรื่องอย่างว่า แต่ทว่าผมก็จะทำเพื่อความสุขของคนที่ผมรัก

“อืม...เป็นต่อของพี่” พี่พายเรียกชื่อของผมด้วยเสียงที่ทำให้ผมแทบจะละลายไปด้วย เสียงที่ดูมีความสุข เสียงที่ดูพึงพอใจในสัมผัสของผม มือของพี่พายสางเส้นผมที่เปียกชุ่มของผมไปมา ผมยังคงเดินหน้ามอบความสุขให้กับพี่พายจนกว่าพี่พายมันจะพอใจ

สัมผัสของเราสองคนเริ่มร้อนแรงมากขึ้นตามอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมา พี่พายช้อนแขนดึงผมให้ลุกขึ้นมาจากพื้น ลิ้นสากๆ เลียมุมปากของผมไปมาก่อนที่จะประกบจูบลงมาอย่างแนบชิด

เรากอดกันใต้สายน้ำที่ไหลรินลงมาไม่ขาดสาย พี่พายไล่จูบผมไปทั่วใบหน้าอย่างอ่อนโยน มือของพี่พายไล้ลงต่ำไปเรื่อย บีบเค้นร่างกายของผมอย่างต่อเนื่อง เราสองคนโอบกอดและแลกจูบกันอยู่เนิ่นนาน

“ต่อครับ...ทำยังไงพี่ถึงจะหยุดรักต่อได้นะ” พี่พายดึงผมมาหยุดที่หน้ากระจกเงา ผมถูกพี่พายโอบกอดจากทางด้านหลัง พี่พายไล้มือมาตามแนวแขนของผมจนสุดปลายนิ้วมือ เราสอดประสานมือกันแนบแน่น

“อย่าหยุดรักต่อนะพี่พาย...เพราะต่อเองก็หยุดรักพี่พายไม่ได้เหมือนกัน” มือของเราที่สอดประสานกันอยู่นั้นถูกยกขึ้นเท้ายันที่หน้ากระจก  พี่พายกดตัวผมให้ก้มลงเล็กน้อย เรากำลังจะเริ่มต้นมอบความรู้สึกที่แสนลึกล้ำให้แก่กันและกัน

“เจ็บหน่อยนะต่อ” พี่พายบอกกับผมก่อนที่จะค่อยๆ เริ่มต้นแทรกร่างกายเข้ามาหาผมทีละนิดทีละนิด ผมตวัดมือไปทางด้านหลังจับเอวของพี่พายเอาไว้ ผมมองดูสีหน้าของตัวเองที่สะท้อนมาจากกระจกเงาด้วยความเขินอาย สายตาของพี่พายที่มองสบตากับผมผ่านกระจกเงานั้นมันดูร้อนแรงมากเหลือเกิน

“ต่อ...ทนได้ เพื่อพี่พาย...” ผมเม้มปากแน่น ครั้งนี้ดูเจ็บกว่าหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาเพราะพี่พายมันไม่ได้มีอุปกรณ์เสริมอะไร แต่พี่พายก็อ่อนโยนกับผมมากเหลือเกิน ไม่เคยทำอะไรที่รุนแรงอย่างใช้อารมณ์เลยสักครั้งยามที่เรามีเซ็กส์กัน พี่พายบอกเสมอว่าอยากจะให้ผมมีความสุขเวลาที่เราเป็นของกันและกัน

เพราะอย่างนี้ไงผมถึงได้รักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน

บทเพลงรักของเราอาจจะร้อนแรงแต่ไม่เคยรุนแรง พี่พายไม่เคยรุนแรงกับผม พี่พายถนอมผมมาก มากกว่าที่ใครจะคาดคิดว่าผู้ชายเจ้าอารมณ์คนนี้จะสามารถอ่อนโยนได้ถึงขนาดนี้ นั่นเพราะว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่พี่พายมันรัก คุณเลยอาจจะไม่มีโอกาสมองเห็นความอ่อนโยนแบบนี้จากผู้ชายคนนี้

“พี่พาย...” ผมพร่ำเรียกชื่อของพี่พายไม่หยุด พี่พายโอบกอดผมจากทางด้านหลัง พรมจูบผิวกายของผมไปทั่ว โยกไหวร่างกายมอบความสุขอย่างต่อเนื่องให้กับผม อารมณ์ของเราไม่เคยสะดุด พี่พายเชี่ยวชาญและสามารถพาผมไปสู่ฝั่งฝันได้ทุกครั้งที่เราเป็นของกันและกัน

“เป็นต่อ...ที่รัก” พี่พายบอกรักผมครั้งแล้วครั้งเล่า คำบอกรักที่แสนหวานหูสีหน้าและแววตาของพี่พายนั้นผมมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าผมตัวแดงและหน้าแดงมากแค่ไหนยามที่เราเมคเลิฟกันแบบนี้

“อื้อ...พะ..พี่พาย...รักนะ...ครับ” ผมยกแขนขึ้นเท้ายันกระจกเงาเอาไว้ พี่พายส่งแรงรักมาอย่างหนักหน่วงจนผมต้องหาที่รองรับน้ำหนักไม่อย่างนั้นอาจจะหมดแรงจะยืนก็เป็นได้ พี่พายกอดรั้งเอวของผมเอาไว้และสานต่อเพลงรักของเราให้จบบท

“รู้แล้วครับ....อื้ม..รักเหมือนกัน” พี่พายยิ้มให้กับผมผ่านกระจกเงา การที่มองเห็นสีหน้าท่าทางของทั้งตนเองและพี่พายแบบชัดเจนแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าอายแต่ก็ตื่นเต้นแบบแปลกๆ เอาเป็นว่าผมชอบมันก็แล้วกัน

“อื้อ...พะ...พี่พาย” ผมต้องใช้มือช่วยตัวเองให้ตามพี่พายไปให้ถึงฝังฝัน ยิ่งพี่พายเร่งจังหวะมากเท่าไหร่ นั่นเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าพี่พายกำลังจะจบเพลงรักเพลงนี้ของเราลงแล้ว

“อีกนิดนะครับ...ใกล้แล้ว” พี่พายโน้มตัวลงมาพรมจูบที่แผ่นหลังของผม ลิ้นสากๆ ลากไปตามแนวกระดูกสันหลังของผมไล้ขึ้นมาจนถึงต้นคอ พี่พายจูบท้ายของของผมเบาๆ ผมหันหน้ามามองพี่พายพร้อมกับรับรสจูบที่แสนดูดดื่มจากพี่พายอยู่เนิ่นนาน

จังหวะรักของเราใกล้จะจบสิ้น พี่พายถาโถมความรู้สึกเข้าใส่ผมจนหมดสิ้น เพลงรักของเราสิ้นสุดลงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูขาวโพลนไปหมดยามที่อารมณ์ของเราได้รับการปลดปล่อย พี่พายกอดรั้งผมเอาไว้แนบอกกันไม่ให้ผมล้มลงไปกองที่พื้น

อ่านจบแล้วรบกวนกลับไปเม้นที่บ้านนิยายด้วยนะคะ ^^