Monday, August 25, 2014

NC #ยุ่งนัก #เฉพาะกิจ 09. S T O P [โก้ต็อป]




 09. S T O P

[โก้]

ผมนอนมองดูคนรักของผม ที่กำลังง่วนกับการเล่นเกมอย่างเมามัน ตอนนี้เราครองบ้านพักกันอยู่สองคน เพราะไอ้พายกับไอ้ต่อออกไปเยี่ยมจูเนียร์ตั้งแต่เช้า เห็นคนไม่ชอบเด็กกลับมาหลงเด็กที่ชื่อเดียวกับเมียมันแล้วก็ขำว่ะ
 
ไม่ใช่แค่ชื่อเดียวกัน นิสัยยังเหมือนกัน หน้าตาก็แอบคล้ายกัน น่าสงสารจูเนียร์มันนะ อนาคตแม่งคงสดใสมากถ้าเดินตามรอยไอ้ต่อ แต่ยอมรับว่าเป็นเด็กที่น่ารัก ฉลาดพูด ไอ้พายมันไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้ใครง่ายๆ แต่เพราะเหตุผลที่ว่าเด็กคนนี้คือเป็นต่อจูเนียร์ เพื่อนผมแม่งก็ใจอ่อนยวบให้แล้วครับ

เรื่องของไอ้พายกับไอ้ต่อยกทิ้งไปเลยครับ เพราะตอนนี้คือตอนของผม เท่าที่ผ่านมาพวกมันก็เด่นมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ขอผมมีบทบาทมั่งเถอะ

“ต็อป เล่นเกมสนุกมากมั้ยวะ มาเล่นกับกูมา นี่นอนมองจนเบื่อแล้วนะเว้ย” ผมตะโกนเรียกไอ้ต็อปที่มันสนใจเกมมากกว่าผม ผมไม่ได้น้อยใจไร้สาระแบบคนบางคนนะครับ แต่ผมรำคาญใจมากกว่า อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในวันว่างที่แสนสบายแบบนี้ มานอนเฝ้ามันเล่นเกมนี่ไม่ใช่แล้วเว้ย

“จบตานี้ก่อนนะพี่โก้ อีกแค่แป๊บเดียวจะชนะแล้ว” ผมพลิกตัวนอนตะแคงมองดูคนบ้าเกม ถ้ามันยังติดเกมหนักๆ จนไม่สนใจผม รับรองเลยว่าไอ้ต็อปต้องเจอหักดิบด้วยเซ็กส์บำบัดแน่นอน จะเล่นแม่งให้ไม่มีเวลาเล่นเกมเลยครับ หึๆ

“ระหว่างเกมกับกูอะไรสำคัญกว่ากันวะ...”

“ก็ต้องพี่โก้ดิ จะมีใครสำคัญกว่าพี่โก้อีกวะ ไม่มีหรอก” ปากก็พูดแบบนั้น แต่ตากับนิ้วนี่มุ่งไปที่เกมอย่างเดียวเลยครับ ผมทำใจเย็นนอนดูท่าทีของมันก่อนว่าจะยังไง แต่เชื่อมั้ย ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้วครับ มันยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเกมเลยสักนิด

 
พอดูเวลาแล้วรู้สึกว่ามันนานเกินกว่าจะมานั่งรอนอนรอ ผมลุกขึ้นจากโซฟาเดินตรงเข้าไปหาแล้วดึงมือถือออกจากมือมันทันที ชูมือถือเอาไว้จนสุดปลายแขน ดูดิว่าเตี้ยสั้นแบบมันจะเอาถึงมั้ย

 
“พี่โก้อ่ะ ต็อปจะชนะแล้วนะ อีกแค่ไม่กี่นาทีเอง...” มันทำหน้างอน้อยๆ เกาะไหล่ผมพยายามกระโดดเพื่อคว้ามือถือ แต่จะไปถึงได้ยังไงกันวะ นี่ก็ไม่ได้อยากจะแกล้งเมียนะครับ แต่เด็กติดเกมมันไม่ดี สายตาเสียหมด

“มึงเล่นมาตั้งแต่เช้าแล้วนะต็อป ถ้าอยากเล่นมากกูให้เล่นก็ได้ แต่ไม่ต้องมาคุยกับกูนะ ถือว่ามึงเห็นเกมสำคัญกว่ากู” ผมต้องจริงจังกับมันบ้าง ทั้งๆ ที่ตามใจกันมาตลอดแท้ๆ แต่เรื่องติดเกมนี่ขอเลย เพราะผมอยากให้มันติดผมมากกว่า ติดเกมแล้วไม่สนใจผมแบบนี้ ก็ไม่เอาว่ะ

ผมลดมือลงมา ชูมือถือตรงหน้ามัน ไอ้ต็อปรับไปจากมือ ผมลองเชิงมองดูท่าทีของมัน แม่งทำท่าลังเลเหมือนจะเสียดาย แต่ก็กดปิดมือถือและโยนลงบนโซฟา ผมเดินแยกออกไปนั่งรับลมที่ระเบียง ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะใจร้ายใส่ไอ้ต็อปแบบนี้

ที่จริงผมค่อนข้างแพ้สีหน้าหงอยๆ ของมัน เลยไม่ค่อยใจร้ายใส่เท่าไหร่ เพราะยังไงก็ใจอ่อนให้มันทุกทีอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ขอเถอะว่ะ พักหลังๆ มานี่แม่งติดเกมมากเกินไปจนน่าหงุดหงิด


“พี่โก้ โกรธต็อปหรอ” มันเดินมายืนข้างๆ สะกิดไหล่เบาๆ ผมทำเป็นไม่สนใจ แกล้งทำเหมือนมันไม่มีตัวตน ให้มันได้รับรู้ความรู้สึกของผมบ้างไง ว่าเวลาที่มันเล่นเกมและไม่สนใจผม ผมรู้สึกยังไง

“พี่โก้ ต็อปขอโทษน้า ไม่เอาไม่โกรธกันดิ” มือเล็กๆ โอบกอดมาที่รอบคอ ไอ้หน้าตาน่ารักที่ยื่นมาจากทางด้านหลัง มาหอมแก้มผมครั้งแล้วครั้งเล่า จะใจอ่อนก็เพราะมันน่ารักแบบนี้นี่แหล่ะ แต่เอาจริงๆ คือไม่ได้ใจอ่อน เพราะใจแข็งกับมันไม่ได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว


ผมยังคงนิ่ง ไม่ตอบโต้ ไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่อะไรทั้งนั้น ไอ้สีหน้าทะเล้นค่อยๆ สลดลงทีละนิด จากที่ยิ้มให้ก็เริ่มหน้าละห้อย ผมสงสารมันนะ แต่ถ้ายอมมันง่ายเกินไป มันก็จะเคยตัว เดี๋ยวเผลอก็คว้ามือถือไปเล่นเกมอีก

“ขอโทษนะพี่โก้ ต็อปผิดไปแล้ว” มันโอบกอดจากทางด้านหลัง ซุกหน้าลงบนไหล่ของผม นิ่ง เงียบ และไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่กอดผมอย่างเงียบๆ สงสารว่ะ เลิกดัดนิสัยมันดีกว่ามั้ยวะ ถ้ามันเกิดร้องไห้ขึ้นมาผมก็คงจะรู้สึกผิดที่ทำตัวใจร้ายใส่มันแบบนี้

“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยขัดใจมึงเลยสักครั้ง แต่เรื่องเกมนี่กูขอละต็อป มึงติดมากเกินไปแล้วนะรู้ตัวมั้ยวะ นอกจากมันจะทำให้สายตามึงเสียแล้ว มันยังทำให้กูดูสำคัญน้อยกว่าเกมด้วย” มันพยักหน้ารับทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาจากไหล่ เริ่มรู้สึกผิดมากขึ้นอีกหนึ่งระดับแล้วครับ

“ขอโทษ ยกโทษให้ต็อปนะ” น้ำเสียงหงอยๆ แบบนี้กูจะไม่ใจอ่อนได้หรอวะ ผมเอื้อมมือไปคว้าเอวมันแล้วรั้งให้ขยับมาทางด้านหน้า ดึงมันลงมานั่งบนตก ไอ้ต็อปเงยหน้าขึ้นมา ทำเอาใจผมแทบตกลงไปที่ตาตุ่ม แม่งร้องไห้ทำไมวะ แค่ดุแค่นี้เอง ทีไอ้ต่อแม่งถูกไอ้พายสวดยับ มันยังไม่เคยร้องไห้เลยสักแอะ

“ร้องไห้ทำไมวะ...”


“ก็พี่โก้โกรธต็อปนี่ ไม่รักต็อปแล้วด้วย ดุต็อป ว่าต็อป... เจ็บนะพี่โก้” เออ กูผิดเองครับที่ทำมึงร้องไห้ ผิดเองที่โอ๋มึงมาตั้งแต่ต้น ตามใจมึงมาตลอด พอมาดุนิดหน่อยน้ำตาร่วงเผาะเลยทีเดียว

 
“คุยกันด้วยเหตุผลนะต็อป ที่ผ่านมากูไม่เคยว่ามึงเลย อะไรที่มันไม่มากเกินไปกูก็ตามใจมึงตลอด เพราะว่ากูรักมึงมากมึงก็รู้ แต่นี่มึงไม่สนใจกู ว่างไม่ได้เป็นคว้ามือถือมานั่งเล่นเกม ลองถ้าเป็นกูที่เมินใส่มึงแล้วหันไปติดเกมมั่ง มึงจะโอเคมั้ยวะ” มันส่ายหน้าไปมา รำคาญไอ้น้ำใสๆ ที่ไหลอาบแก้มมันจริงๆ จนต้องดึงมันเข้ามากอด จูบที่แก้มมันเบาๆ เพื่อซับน้ำตาให้ ให้ตายเถอะไอ้โก้ นี่มันเหี้ยอะไรวะ

“พี่โก้อย่าใจร้ายใส่ต็อปดิ เสียใจจริงๆ นะ คนอื่นจะใจร้ายใส่ยังไงก็ช่าง แต่ไม่เอาอ่ะ ไม่ให้พี่โก้ใจร้าย” มันโอบกอดรอบคอ จ้องมองผมด้วยสายตาน้อยใจ ใช้หน้าผากแตะกับหน้าผากของมัน ระบายลมหายใจเบาๆ เหนื่อยใจกับตัวเองว่ะ รักมันมากจนไม่อยากจะมองเห็นเวลาที่มันร้องไห้หรือเสียใจเลย

 
“ถ้ามึงเพลาเรื่องเกมลงกูก็จะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ถ้ามึงยังติดมันมากและไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องนี้ กูจะใจร้ายมากกว่านี้อีกนะต็อป แล้วเลิกร้องไห้สักที กูไม่ชอบน้ำตามึงเลย มึงก็น่าจะรู้” แค่เห็นมันร้องไห้หนักๆ กับเรื่องของพี่ชายไอ้ต่อ ผมก็ไม่อยากจะเห็นมันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว มันน่าสงสารมากนะ ผมจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้มันเสียใจและร้องไห้


“สัญญาว่าจะเปลี่ยนนิสัย ไม่เล่นเกมมากไปจนไม่นึกถึงพี่โก้ ขอโทษนะที่ต็อปนิสัยไม่ดีเลย...”


“กูไม่ได้ว่าว่ามึงนิสัยไม่ดีนะต็อป ในสายตากูมึงน่ารักเสมอ แต่บางเรื่องถ้ามันไม่ดีก็ต้องบอกให้รู้ กูไม่ใช่ไอ้พายที่เผด็จการกับไอ้ต่อ แต่กูตามใจมึงมาตลอด เพราะฉะนั้น ถ้ากูขอเรื่องไหน มึงก็ควรจะทำให้กู” มันพยักหน้ารับ ผมใช้นิ้วมือเกลี่ยและปาดน้ำตามันออกจากแก้ม วางมือลงบนหัวลูบเบาๆ สองสามที


“พี่โก้ มานี่นะ” มันลุกขึ้นจากตักและจับข้อมือผมเอาไว้ ออกแรงกระตุกให้เดินกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยกัน มันเดินตรงไปล็อคห้องและเดินกลับมายืนตรงหน้าผม

 
“อะไรวะต็อป จะง้อกูด้วยเซ็กส์หรือไง” วิธีง้อของไอ้ต็อปที่เจ๋งๆ ก็เห็นจะเป็นง้อด้วยเซ็กส์ของมันนี่แหล่ะ ผมก็ไม่คิดจะปฏิเสธหรอก เพราะกับไอ้ต็อปแล้วเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงก็ได้ แค่มันขอหรือแค่มันเริ่ม ผมก็พร้อมที่จะสานต่อและจัดให้มันตามประสงค์

“ก็ต็อปทำเรื่องนี้ได้ดีที่สุดนี่ พี่โก้ถอดเสื้อนะ” ผมมันพวกเชื่อเมียและว่าง่าย มันบอกให้ถอดเสื้อผมก็ถอดออก ไอ้ต็อปมันลูบไปตามรอยสักที่ประดับบนผิวหนังของผมอยู่ทั่วตัว ไอ้ต่อมันบอกว่าผมเสพติดการสัก ชอบความเจ็บปวด ตอนนี้ผัวมันก็ไปสักเพิ่มมาเหมือนกัน ที่ไหล่และต้นแขน เพราะงั้นไอ้พายก็คงเสพติดความเจ็บปวดไม่ต่างจากผมหรอก


“ต็อปชอบจัง” มันลูบที่สีข้างด้านซ้ายของผมเบาๆ มีตัวอักษณที่รวมแล้วเป็นซื่อมันสักเรียงกันอยู่ เอส ที โอ พี...สต็อป นั่นแหล่ะคือชื่อของมัน ผมไปสักมาได้สักพักแล้ว และมันก็ชอบมากเหลือเกิน


ร่างเล็กๆ สวมกอดผมจากทางด้านข้าง มันประกบปากลงไปที่รอยสักของผม กดจูบและลากลิ้นลงมาเรื่อยๆ ตามสีข้างที่ประดับด้วยรอยสักชื่อมัน ผมชอบวิธีการง้อแบบนี้ของมันว่ะ เพราะเวลาที่มันง้อแบบนี้ จะเพิ่มความเร้าใจให้ผมมากพอตัว


ไอ้ต็อปมันเซ็กส์จัดอยู่แล้ว มันชอบที่จะปลดปล่อยความต้องการมากกว่าเก็บกักเอาไว้ เพราะฉะนั้นเซ็กส์ของมันจึงสุดยอดเสมอสำหรับผม ลิ้นเล็กๆ ที่ลากไล้อยู่ที่สีข้าง กับมือที่เริ่มปลดกระดุมกางเกงของผมออกจากกัน มันกดจูบไปตามผิวกายของผม มือรูดซิปลงอย่างช่ำชอง ค่อยๆ ดึงขอบกางเกงลงไปเรื่อยๆ ตามร่างของมันที่ค่อยๆ ก้มลงต่ำไปตามแนวรอยสัก

“พี่โก้เป็นของต็อปนะ มีชื่อต็อปอยู่บนตัวพี่โก้แล้วด้วย ห้ามไปเป็นของใครคนอื่นนะ” กางเกงถูกดึงลงไปจนสุดปลายขา ไอ้ต็อปผลักให้ผมนั่งลงบนเตียงนอน มันยืนแทรกตัวอยู่ระหว่างขาของผม ลิ้นเล็กๆ แลบเลียปากพร้อมสีหน้ายั่วยวนชวนให้ผมเกิดอารมณ์ตามได้อย่างง่ายดาย

“จะชิมพี่โก้แล้วน้า จะทำให้หายโกรธต็อปให้ได้เลยคอยดู” นิ้วเล็กๆ เกี่ยวกางเกงในผมลงต่ำ ผมยกตัวเล็กน้อยเพื่อให้มันดึงลงไปได้อย่างสะดวก ไอ้ต็อปส่งสายตาพราวระยับจับจ้องมองสิ่งที่โผล่พ้นขึ้นมา นิ้วเรียวไล้ไปที่รอยสักมังกรที่อยู่เหนือตรงจุดนั้น

“มังกรตัวนี้คิดจะพันเสาอ่ะพี่โก้ แต่ต็อปหวงน้า เสาต้นนี้นี่ของต็อปนะจะบอกให้” ร่างเล็กๆ นั่งลงกับพื้น มันเท้าแขนลงบนขาของผม นิ้วมือไต่วนอยู่ที่รอยสักมังกร และเริ่มลงมาแย่งเสากับมังกรซะแล้ว

มือเล็กกอบกุมส่วนแข็งขืนเอาไว้เต็มมือ รอยยิ้มทะเล้นชวนจับมากระทำชำเราของมัน ทำให้ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เห็นจริงๆ มันแตะลิ้นลงบนส่วนปลายเบาๆ เลียช้าๆ ราวกับว่ากำลังหยอกล้ออยู่กับส่วนนั้น ผมเอนร่างไปทางด้านหลังเล็กน้อย ให้มันใช้ความเจนจัดของมันทำให้ผมรู้สึกดีไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะทนไม่ไหวแล้วค่อยจับมันมาจัดการก็ยังทัน

“ได้แค่นี้หรอวะต็อป...” มันหรี่ตามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ลิ้นที่แตะเบาๆ เริ่มตวัดเลียแบบระรัว ลากขึ้นลากลงตามความยาวของสิ่งที่อยู่ในมือมัน ไอ้ต็อปกดจูบลงบนส่วนปลาย และค่อยๆ ครอบครองมันเอาไว้ด้วยปากบางๆ ผมได้แต่จ้องมองดูท่าทีของมันด้วยความรู้สึกชอบใจ


“อ้า...” ครางรับสัมผัสสุดเสียวของเมียสักหน่อยครับ มันเล่นลิ้นและใช้ปากเก่งสมคำร่ำลือจริงๆ เรื่องที่ผ่านมาแล้วช่างมันผมไม่ถือและไม่สนใจ แต่ที่ผมสนก็คือตอนนี้ไอ้ต็อปแม่งทำผมอยากพ่นพิษใส่มันเสียเหลือเกิน
 
ผมมองคนรักของผมกำลังพยายามเอาอกเอาใจอยากให้ผมหายโกรธ ความตั้งใจมันผมให้เกินร้อย ลีลานี่ก็เกินครับ คนเจนจัดแบบมันไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำให้ผมผิดหวังในเซ็กส์ที่แสนร้อนแรงของมันเลย

“พี่โก้อ่ะ... เบาๆ กับปากต็อปหน่อยสิ” มันโวยใส่ผมทันทีที่มันถอนปากขึ้นมา ผมก็แค่ยกตัวขึ้นรับสัมผัสจากปากมันก็เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรรุนแรงเสียหน่อย

“คิดว่าชอบ...”

“ก็ชอบนะ แต่อยากทำอย่างอื่นมากกว่า” มันยิ้มร้ายๆ ใช้นิ้วลากไล้เบาๆ ที่ท่อนล่าง ลุกขึ้นยืนและเริ่มต้นถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกาย ร่างเล็กๆ ผิวขาวจัด  จุดสีชมพูเข้มเด่นชัดจนอยากจะจับมาซุกไซ้ให้หายมันเขี้ยว

ไอ้ต็อปปีนขึ้นมาบนเตียงนอน มันนั่งทับที่ท้องของผม โน้มตัวลงมานาบทับ ขยับสะโพกไปมาอยู่บนท้องผมนั่นแหล่ะ ยั่วเข้าไป ถูไถเข้าไป เดี๋ยวถึงเวลาของกูเมื่อไหร่ มึงตายคาที่แน่
 
“อื้ม... กล้ามท้องพี่โก้โคตรแน่นอ่ะ” มันใช้ส่วนนั้นของมันถูไถไปกับกล้ามท้อง ลิ้นเล็กๆ เลียริมฝีปากผมไปมาอย่างเชิญชวน ผมโน้มคอมันเอาไว้ งับลิ้นมันและดูดเบาๆ ประกบปากนาบทับปากบาง ดูดปากมันเล่นอย่างจงใจแกล้ง ทั้งเม้ม ทั้งดูด เอาคืนที่มันจงใจสีท่อนร่างกับท้องของผมไม่หยุด

“พี่โก้ อื้อ...” ไม่ต้องปล่อยให้มันได้พูดอะไร ผมจัดการสอดลิ้นเข้าไปในปากของมัน ลิ้นเล็กยื่นมาเกี่ยวรัดลิ้นผมอย่างท้าทาย บีบเค้นร่างกายและสะโพกนุ่มอย่างมันมือ เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ ก็มีเนื้อมีหนังให้ผมกระทำได้นะครับ
 
รสจูบของเราเริ่มร้อนแรงทวีคูณมากขึ้น ไอ้ต็อปไม่ยอมให้ผมเป็นฝ่ายรุกล้ำอยู่ฝ่ายเดียว มันเม้มปากของผมอย่างแรง ดูดและขบกัดเบาๆ สอดลิ้นมายั่วเย้าเชิญชวนอีกครั้ง ผมอยากพลิกมันลงมานอนนาบให้สาสมจริงๆ แต่ให้มันเป็นคนเริ่มต้นดีกว่า อยากจะดูเหมือนกันว่ามันจะง้อผมด้วยท่าไหน

“พี่โก้... ต็อปอ่ะนะ ไม่เคยรักใครเท่าพี่โก้มาก่อนเลยรู้มั้ย” ร่างเล็กนอนนาบทับกับร่างของผมอย่างแนบชิด มือมันเริ่มเลื้อยไปมาบนร่างกายของผม ส่วนแข็งขืนถูกกอบกุมอีกครั้ง มันขยับมือระรัว ละเลงลิ้นลงบนอกและประกบปากบนยอดอก ดูดแรงๆ จนผมสะดุ้งเฮือก แต่มันก็ปริ่มกับความรู้สึกถึงใจอย่างประหลาด
 
“ต็อป มึงนี่มัน...อ่า” ผมถูกเล่นทั้งด้านบนด้านล่าง มันดูสนุกกับร่างกายของผมพอสมควร มือเล็กๆ รูดรั้งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปากไล่เม้มดูดไปทั่วอก เลื่อนขึ้นมาจูบปากแลกลิ้นกันพัลวันอีกครั้ง ผมชอบใจในตัวเมียตัวเองมากครับ มันรู้ดีว่าผมชอบแบบไหน และมันรู้ดีว่าต้องทำยังไงผมถึงจะพึงพอใจในเซ็กส์ของเรา


“พี่โก้พกเจลมามั้ย” มันไม่สมควรถามคำถามนี้ป่ะวะ ของแบบนี้ผมไม่เคยพลาดอยู่แล้ว แค่สอดมือเข้าไปใต้หมอน ก็คว้าทั้งเจลทั้งถุงยางออกมาโยนให้ ไอ้ต็อปหยิบซองถุงยางขึ้นมา ใช้ปากคาบและฉีกมันออก มันจัดการอย่างรู้หน้าที่

เจลใสถูกละเลงใส่มือเล็ก มันปาดป้ายลงมาที่ส่วนแข็งขืนของผม มือข้างหนึ่งวางค้ำยันที่ท้องผม มืออีกข้างจับจ่อเข้าช่องทางสวาท ร่างเล็กๆ กดตัวลงทับส่วนล่างของผมอย่างช้าๆ สีหน้ามันดูเจ็บเสียดพอสมควร แต่มันไม่เคยหยุดกลางคัน ไอ้ต้อปมันสู้ไม่เคยถอยอยู่แล้วครับกับเรื่องเซ็กส์เนี่ย

“อื้อ... โคตรคับอ่ะพี่โก้” มันระบายลมหายใจช้าๆ เหมือนจะผ่อนความเจ็บและความเสียวซ่านออกมาทางลมหายใจ ร่างเล็กค่อยๆ ขยับตัวขึ้นและกดตัวลงมาทับ ทำซ้ำแบบนี้ไปมาอย่างต่อเนื่อง

จากจังหวะช้าๆ เริ่มเร็วมากขึ้น มือทั้งสองข้างจับที่เอวของผม ร่างเล็กๆ กำลังขย่มตัวลงมาทับร่างของผมอย่างเต็มแรง สลับกับร่อนสะโพกบนร่างกายของผม ทำเอาผมเสียวซ่านทุกครั้งที่มันร่อนและขย่มร่างผมอย่างสุดแรงเหวี่ยง
 
“อ้า ต็อป มึงแม่งโคตรร้อนแรงสัด...” ผมจับเอวเล็กเอาไว้ ยกร่างมันขึ้นและกดลงมาทับส่วนล่างของผมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมันถอนร่างไปจนเกือบสุด และขย่มทับลงมาจนผมเข้าไปในร่างมันได้เกือบสุด เป็นจังหวะสร้างความเสียวได้อย่างต่อเนื่องเหลือเกิน
 
“อ๊ะ พี่โก้ ต็อปชอบอ่ะ อื้อ...” ผมทำแบบเดิมซ้ำๆ ไอ้ต็อปเองโน้มตัวลงมาแลกจูบกับผมอีกหน ผมกอดรัดและสวนร่างกายขึ้นรับจังหวะขย่มของไอ้เมียที่รัก ดูมันจะแรงดีไม่มีตก ขย่มร่างระรัวจนอารมณ์ผมเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างง่ายดาย
 
“กูก็ชอบนะ... แต่ชอบทำมากกว่า” ผมจับเอวไอ้ต็อปและยกร่างมันขึ้นจนตัวลอย มันร้องครางทันที่ร่างของเราแยกจากกัน ผมพลิกมันให้นอนคว่ำลงบนเตียง สอดแทรกร่างกายเข้าหามันอีกครั้ง นอนนาบทับกับร่างเล็กๆ ของมัน ขยับจังหวะเข้าหาเบาๆ ไล่จูบไปทั่วไหล่และซอกคอ เม้มบนผิวกายอย่างโหยหา
 
“อื้อ... ชอบอ่ะพี่โก้ แรงๆ เลยนะ อ้า” ผมสวนร่างกายเข้าใส่ไอ้คนที่ถูกนอนนาบทับเอาไว้อย่างเร่งจังหวะ มันเอี้ยวตัวหันหน้ามารับรสจูบของผมอย่างดูดดื่ม ผมวางมือทับกับมือของมันที่กำลังจิกที่นอนเสียแน่น สอดมือเข้าประสานกับมือมัน ส่งแรงกระแทกเข้าใส่ จนร่างของเราโยกไปตามจังหวะทำเอาเตียงสั่นเตียงคลอน

“อ่า แม่งใช่ว่ะ กู... รู้สึกดีฉิบหาย” ผมเม้มไหล่ไอ้ต็อปจนเป็นรอยแดง โยกร่างกายใส่ไอ้ต็อปไม่หยุดหย่อน มันครางรับจังหวะของเซ็กส์ได้เป็นอย่างดี ทวงทำนองของเซ็กส์ประสานกับเสียงลมและเสียงคลื่นที่ซัดสาดไม่หยุด ดูโฌรแมนติกไปอีกแบบเหมือนกัน

“พี่โก้... เสียวว่ะ อื้อ แม่งเสียวอ่ะ” ผมจับร่างเล็กพลิกนอนตะแคงเพื่อที่จะได้สามารถปลดปล่อยอารมณ์ให้กับมัน ใช้มือกอบกุมส่วนล่างของไอ้ต็อป กระแทกร่างกายเข้าใส่มันอย่างต่อเนื่อง รูดรั้งส่วนนั้นอย่างเร่งจังหวะและดึงอารมณ์ของมันออกมาให้หมด

“กูชอบร่างกายมึงฉิบหาย อื้อ...” ผมเร่งจังหวะถี่ระรัว เริ่มรู้สึกได้ถึงความปรารถนาที่กำลังจะถูกปลดปล่อย เร่งจังหวะทั้งมือและท่อนล่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้พากันไปถึงฝั่งฝันด้วยกันทีเดียว

“พี่โก้ อ๊า แม่งฟินอ่ะ...” ไอ้ต็อปจิกที่นอนอย่างแรง ผมเน้นจังหวะส่งท้ายแบบรัวๆ และหนักหน่วงถอนตัวออกจากร่างกายไอ้ต็อป ปลดปล่อยความรู้สึกและอารมณ์ที่ด้านนอก ทุกอย่างขาวโพลนด้วยความรู้สึกอิ่มเอมในเซ็กส์ที่ได้รับ

“อ๊ะ... อ๊า” ไอ้ต้อปเกร็งร่างสั่นสะท้าน ปลดปล่อยความต้องการใส่มือผมจนเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด ผมโอบกอดร่างที่สั่นไหวเพราะแรงหอบหายใจอย่างหนัก จากคามเหนื่อยของเซ็กส์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป

“หายโกรธต็อปแล้วใช่มั้ยพี่โก้” มันหันมาถามอย่างอ้อนๆ ทั้งๆ ที่ยังเหนื่อยหอบจากเซ็กส์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปแท้ๆ

“ไว้จบอีกยกก่อน แล้วค่อยว่ากัน...” ครั้งเดียวมันเสียวไม่พอหรอกครับ อย่างผมต้องจัดมาสองรอบอย่างต่ำ เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้ไปจนกว่าจะพอใจ มึงก็ง้อกูต่อไปเรื่อยๆ นะครับเมีย

....................


อ่านจบรบกวนกลับไปเม้นที่บ้านนิยายด้วยนะคะ ^^
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=914185&chapter=124

Sunday, August 10, 2014

CUT #เต้ปั่น #ยุ่งนัก 09. ความรู้สึกนี้คืออะไร (น้ำปั่น)

 

ระหว่างที่แกล้งนั่งทำการบ้าน ในใจก็เอาแต่คิดว่าทำยังไงถึงจะรวบรวมความกล้า เพื่อที่จะเลิกอายเลิกเขินฮ่องเต้เสียที ทุกวันนี้ทำอะไรไปก็เหมือนขุดหลุมฝังตัวเองทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ มีเขินมีอายบ้าง แต่ไม่เคยตายคาที่เอาแบบนี้เลยแท้ๆ
 

จริงๆ น้ำปั่นควรจะทำใจให้ชินให้ได้สินะ ถ้าน้ำปั่นสามารถก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้สักหนึ่งครั้ง น้ำปั่นเชื่อว่าจะสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ความกล้าของน้ำปั่นที่จะก้าวข้ามมันไปนี่แหล่ะ


ก็พอรู้หรอกว่าจะต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง น้ำปั่นไม่ได้ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้อะไรเลยนี่นา เรื่องกอด เรื่องจูบ มันเป็นแค่พื้นฐานของพื้นฐานต่างหาก เรื่องที่มันมากกว่านั้นยังรอให้น้ำปั่นเรียนรู้อีกเยอะ

 
แต่จะว่าไปแล้ว น้ำปั่นรักฮ่องเต้ไม่ใช่หรอ น้ำปั่นเชื่อใจฮ่องเต้นี่นา เพราะว่าเป็นฮ่องเต้คนที่แสนดียิ่งหว่าใครๆ คนนี้ น้ำปั่นจึงได้รักและเชื่อมั่นมาเสมอ ฮ่องเต้ไม่มีทางทำให้น้ำปั่นเจ็บและเสียใจอย่างแน่นอน


เหมือนจะได้คำตอบของคำถามมาบ้างแล้วล่ะ ถึงจะยังไม่ชัดเจนมาก แต่ก็มองเห็นอะไรลางๆ บ้างแล้ว

เอาน่าน้ำปั่น เชื่อมั่นในตัวฮ่องเต้ไม่ใช่หรอ ชีวิตนี้ฝากฝังเอาไว้กับคนคนนี้แล้วไม่ใช่รึไง จะเกิดอะไรก็ให้มันเกิดไปสิ จะไม่มีทางเสียใจอย่างแน่นอน เพราะว่าผู้ชายคนนี้คือฮ่องเต้ที่แสนดียังไงล่ะ


“ฮ่องเต้ น้ำปั่นร้อนมากเลยล่ะ วันนี้เรา เอ่อ อาบน้ำกันเร็วหน่อยดีกว่ามั้ย” หลังจากที่เก็บหนังสือและอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋า น้ำปั่นเดินไปนั่งลงข้างๆ โซฟาที่ฮ่องเต้นอนหลับตาอยู่ สะกิดแขนที่พาดยาวขนาบข้างลำตัวนั่นเบาๆ


“นั่นสินะ วันนี้อากาศมันร้อนยังไงก็ไม่รู้ ป๊าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่าเนอะ” ทั้งน้ำเสียง ทั้งสีหน้า บ่งบอกให้รู้เลยว่าฮ่องเต้เองก็กำลังอารมณ์ดีมากแค่ไหน มีการผิวปากพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าน้ำปั่น พอจะเอื้อมมือไปจับ ฮ่องเต้ก็ฉวยมือไปกุมอย่างไว


“อากาศร้อนมากเลยสินะ ลูกป๊าถึงได้หน้าแดงแจ๋ลามไปทั้งหูทั้งคอ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย คิดอะไรอยู่ หืม” อย่าถามเลยว่าคิดอะไร เพราะน้ำปั่นคิดเยอะแยะเต็มไปหมดเลยอ่ะ สาธยายอีกหลายชั่วโมงก็คงไม่หมด


“แค่คิดว่าทำไมฮ่องเต้ถึงได้ดูเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา ชอบนักหรือไงแกล้งน้ำปั่นให้เขินได้แบบนี้...”


“เฮ้ย ป๊ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะเว้ย ก็ตัวเองมาเป็นคนชวนเอง เป็นคนเรียกให้ตื่นเพื่อไปอาบน้ำด้วยกันแท้ๆ” นั่นสินะ ที่ฮ่องเต้พูดมามันก็ไม่ผิด แต่ที่ผิดคงเป็นต่อมความเขินของน้ำปั่นเองมากกว่า


“ไม่เถียงกับฮ่องเต้แล้ว ไปเตรียมน้ำดีกว่า วันนี้จะแช่ในอ่างนะ...”


“ไม่ต้องเตรียมหรอก วันนี้ป๊าอยากอาบน้ำฝักบัวมากกว่า” ตอนนี้น้ำปั่นถูกจูงมาที่หน้าห้องนอน ฮ่องเต้เปิดประตูและพาน้ำปั่นเข้ามาทางด้านใน แค่อาบน้ำเองนะน้ำปั่น จะใจสั่นทำไมกัน เคยอาบด้วยกันมานักต่อนักแล้วไม่ใช่หรอ

 
“มานี่นะน้ำปั่น ยืนนิ่งๆ ตรงนี้ เดี๋ยวป๊าจะเป็นคนดูแลน้ำปั่นเอง” มือของน้ำปั่นถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ฮ่องเต้เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวติดมือมาสองผืน น้ำปั่นได้แต่ยืนนิ่งๆ มองดูคนตรงหน้าที่วางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ทั้งสองของน้ำปั่น


“น้ำปั่นรู้มั้ย ยิ่งนานวันป๊าก็ยิ่งละสายตาจากน้ำปั่นไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือว่าทำอะไร สายตาก็จะคอยมองหาไอ้ตัวแสบตัวยุ่งที่โคตรน่ารักคนนี้ตลอด เฮ้อ เหนื่อยนะรู้มั้ย หัวใจป๊ามันทำงานหนักเกินไปแล้วเหอะ” คิดว่าตัวเองเหนื่อยคนเดียวหรือไง คิดว่าน้ำปั่นไม่ยิ่งเหนื่อยกว่าหรอ น้ำปั่นแทบจะละสายตาจากฮ่องเต้ไปไหนไม่ได้เลย


เพราะน้ำปั่นกลัวว่าถ้าละสายตาจากฮ่องเต้ พอรู้สึกตัวอีกทีฮ่องเต้ก็จะหายไปจากน้ำปั่น ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย อยากให้เราอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนาน น้ำปั่นกลัวการอยู่คนเดียวนะรู้มั้ย


“สูงขึ้นนิดนึงนี่นา สูงถึงอกป๊าแล้วนะ” มือทั้งสองข้างเลื่อนมาปลดกระดุมเม็ดบนสุดอย่างเบา เสื้อของน้ำปั่นค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด สัมผัสแสนเบาจากมือคู่หนาที่ค่อยๆ ปลดกระดุมให้ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่แสนวิเศษมากจริงๆ


 “ไม่อยากโตเลย อยากอยู่แค่นี้ อยากเป็นไอ้ตัวเล็กของฮ่องเต้ไปเรื่อยๆ” เสื้อนักเรียนสีขาวถูกถอดออกจากร่างกาย เข็มขัดกำลังถูกปลดด้วยมือของฮ่องเต้ เจ้าตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าน้ำปั่น แต่ทว่าสายตายังคงมองสบกับดวงตาของน้ำปั่นตลอดเวลา


“ต่อให้น้ำปั่นโตขึ้นอีกแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางสูงเท่าป๊าได้หรอก น้ำปั่นก็จะเป็นไอ้ตัวเล็กของป๊าไปตลอด” รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ ไม่ได้ทำให้น้ำปั่นรู้สึกผ่อนคลายลงเลย ก็ตอนนี้กางเกงนักเรียนถูกดึงลงมากองที่ข้อเท้าแล้วนี่นา นิ้วของฮ่องเต้กำลังเกี่ยวที่ขอบกางเกงในของน้ำปั่น ค่อยๆ ร่นลงมาทีละนิดๆ น้ำปันอายจัง ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี


“เขินรึไง ไม่ต้องอายป๊าหรอกน่า เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถ้ามัวแต่เขินแล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้ล่ะ นี่ป๊ารออยู่เลยนะ” ผ้าเช็ดตัวสีขาวถูกเอามาพันที่เอวของน้ำปั่น มือหนาๆ ตบลงบนหัวอย่างเบามือ ฮ่องเต้ถอดเสื้อของตัวเองออก คว้าเอาเสื้อผ้าของน้ำปั่นขึ้นมาจากพื้น จัดการโยนใส่ตะกร้าอย่างเรียบร้อย


“เข้าไปรอในห้องน้ำเลยครับ เดี๋ยวป๊าตามเข้าไป” น้ำปั่นเป็นเด็กดีที่ว่าง่ายมากๆ เพราะอย่างนั้นเลยเดินเข้ามาในห้องน้ำ มองนั่นมองนี่อย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อีกแค่ไม่กี่นาทีฮ่องเต้ก็จะตามเข้ามาแล้ว หัวใจก็ยังเต้นไม่หยุด ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองแล้วแท้ๆ ว่าขอแค่เป็นฮ่องเต้ จะเชื่อใจ จะยอมทุกอย่างโดยที่ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น


แอ๊ด...


เสียงประตูถูกดึงปิดทำให้น้ำปั่นสะดุ้งเล็กน้อย ยามนี้กำลังยืนหันหลังให้กับประตูห้องน้ำ แสร้งเดินหนีมาที่ใต้ฝักบัว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ท่อนแขนแกร่งก็คว้าเข้าที่เอวของน้ำปั่น ใบหน้าที่เกยลงมาบนไหล่กับรอยยิ้มที่ส่งตรงมาให้ ทำเอาน้ำปั่นพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ


“ป๊าดูน่ากลัวมากจนน้ำปั่นต้องหนีเลยหรอครับ” เสียงทุ้มๆ ที่ดูเจ้าเล่ห์นิดๆ ของฮ่องเต้นี่แหล่ะตัวดีนักเชียว ทำเอาน้ำปั่นจะเป็นบ้าตายเอาให้ได้
 

“ก็เปล่า น้ำปั่นไม่ได้จะหนีสักหน่อย หวาๆ ฮ่องเต้อย่าดึงผ้าเช็ดตัวออกไปสิ” น้ำปั่นแทบจะหมุนตามแรงดึงของฮ่องเต้ พอหันไปจะคว้าผ้าเช็ดตัวคืนมา ก็ต้องรีบหันกลับทันที เพราะตอนนี้ภาพที่เห็นคือฮ่องเต้กำลังเปลือย แถมน้ำปั่นเองก็เปลือย
 

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ


หัวใจน้ำปั่นมันจะหลุดออกมาที่นอกอกแล้วล่ะ ทำไมกัน ทั้งๆ ที่เห็นมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ทำไมล่ะ ทำไมมันตื่นเต้นมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร น้ำปั่นจะตายแล้วจริงๆ นะ


“ถ้าอยากจะหนี ป๊าก็จะยอมให้หนี  น้ำปั่นก็รู้นี่ว่าป๊าไม่เคยคิดจะบังคับน้ำปั่น รักจนไม่รู้ว่าจะรักยังไงแล้ว ให้มาใจร้ายใส่เอาตอนนี้ก็คงไม่ได้ด้วย...” ฮ่องเต้ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง มือทั้งสองข้างโอบกอดรอบคอของน้ำปั่น หน้าผากของฮ่องเต้ซบลงมาที่กลุ่มผม ลมหายใจอุ่นๆ ของฮ่องเต้ กับเสียงของหัวใจน้ำปั่นสอดประสานกันเป็นจังหวะที่ดูแปลกชอบกล


“น้ำปั่นไม่ได้จะหนีสักหน่อย น้ำปั่นก็แค่... เอ่อ ก็แค่เขิน น้ำปั่นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงหยุดเขินไม่ได้ ทำไมถึงได้อายนักหนา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้สึกอายมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราก็อาบน้ำด้วยกันมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง...” น้ำปั่นพลิกตัวเข้าหาฮ่องเต้ โอบกอดร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่แสนใจดีเอาไว้แนบแน่น น้ำปั่นรักฮ่องเต้มาก มากจนไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน


“นั่นสินะ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของน้ำปั่นหรอก ไม่อายสิแปลก ยิ่งเขินยิ่งน่ารัก ป๊าชอบที่น้ำปั่นเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ อืม ไม่ใช่แค่ชอบสิ แต่รักเลยล่ะ” นิ้วมือเรียวแตะที่ปลายคาง ออกแรงเชยหน้าให้เงยขึ้นเล็กน้อย น้ำปั่นมองหน้าฮ่องเต้ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกจะก้มหน้าหนี แต่ต้องแข็งใจข่มความเขินอายเอาไว้ จ้องมองสบตากลับไปตรงๆ


“น้ำปั่น น่ารักมากเกินไปใจป๊ามันสั่นนะ” ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนลงมาแนบชิดมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำปั่นเผยอปากนิดๆ เพื่อรอรับจูบของฮ่องเต้อย่างเช่นเคย ถึงจะเขินหรืออายมากเพียงใด แต่ร่างกายก็ตอบรับอัตโนมัติเช่นกัน


“รักกันแล้วไม่ใช่หรอ รักป๊าใช่มั้ย เหมือนที่ป๊าเองก็รักน้ำปั่น...” ปากหยุ่นประกบลงมานิ่งๆ ยังไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น น้ำปั่นกอดเอวของฮ่องเต้เอาไว้แน่น หัวใจไม่รักดีเต้นแรงอีกแล้ว น้ำปั่นรู้สึกโหวงไปหมด ก็มันไม่ใช่แค่จูบที่ฮ่องเต้กำลังเปลี่ยนจากสัมผัสอ่อนโยนเป็นดูดดื่มนี่นา


ร่างกายเปลือยเปล่าของเราสองคนแนบชิดกันมากๆ และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฮ่องเต้จัดการเปิดฝักบัวให้น้ำไหลรินลงมาเปียกปอนร่างกายของเราทั้งคู่ แต่มันไม่ได้ทำให้รสจูบของฮ่องเต้สะดุดลงเลย ร่างกายที่เปียกชุ่มของเรานั้น ทำให้สัมผัสจากอ้อมกอดดูลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
 

ความรู้สึกประหลาดที่กำลังเกิดกับน้ำปั่นมันคืออะไรกัน มันหวิวไหวหัวใจสั่นระรัว เหมือนจะทรมานแต่ก็มีความสุขไปด้วย ความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยนั้นมันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่นะ
 

ริมฝีปากที่เม้มกลีบปากน้ำปั่นไปมา ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด ลิ้นที่ไล้เลียกลีบปากสลับกับการขบเม้ม สัมผัสที่ดูเจนจัดของฮ่องเต้ทำให้น้ำปั่นเคลิ้มและเริ่มจะหมดเรี่ยวแรง


“รักจัง รักที่สุดเลยคนนี้” ฮ่องเต้กระซิบบอกรักอีกครั้ง สัมผัสจากปลายลิ้นที่ลากไล้จากใบหูลงมาที่ปลายคาง ทำเอาน้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ยามที่ถูกประกบจูบอีกครั้ง ลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาเร่งเร้าเอาแต่ใจ ทำให้รู้สึกวาบไหวจนเหมือนร่างกายมันจะหมดเรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ
 

“รัก...ฮ่องเต้...นะ” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นจนน้ำปั่นรู้สึกได้ หลังที่พิงผนังสัมผัสได้ถึงความเย็นของมัน แต่หน้าอกที่ถูกซุกและลากไล้ลิ้นเลียไปทั่ว กลับร้อนระอุจนน้ำปั่นแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนพิงผนัง ปล่อยให้สายน้ำชโลมลงมาที่ร่างกาย เผื่อว่ามันจะทำให้น้ำปั่นเย็นและสงบลงได้บ้าง


“ฮ่อง...เต้ อ๊ะ น้ำปั่น รู้สึกแปลกๆ อื้อ” ไม่ไหว ขามันเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงชอบกล น้ำปั่นแทบจะทรุดลงไปที่พื้นแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีแขนของฮ่องเต้ที่เกี่ยวกอดเอาไว้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการถูกคนที่เรารักสัมผัส มันจะทำให้รู้สึกปั่นป่วนได้มากถึงเพียงนี้
 

“ทำไมไอ้ตัวแสบของป๊าแพ้ไม่เป็นท่าแบบนี้วะ” ก็อยากจะเถียงหรอก แต่ ณ ตอนนี้ เถียงไม่ออกเลยสักคำ แถมฮ่องเต้ยังจับหมุนให้หันหลังแล้วยืนกอดซ้อนจากทางด้านหลัง ทั้งจูบไหล่ ทั้งซุกคอ ทั้งเม้มไปทั่วแบบนี้ บอกเลยว่ายอมแพ้ตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว
 

“ไม่อยากแพ้หรอก... อื้อ แต่ก็... ไม่อยากชนะ” น้ำปั่นรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด รู้สึกเหมือนตนเองเริ่มไม่มีสติ ยิ่งฮ่องเต้ละเลงครีมอาบน้ำแล้วใช้มือลากไล้ไปทั่วจนมันเกิดฟอง ยิ่งมีฟองครีมมาช่วยให้สัมผัสมันลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ยิ่งฮ่องเต้ลากไล้ไปทั่วหน้าอกและท้องของน้ำปั่น ร่างกายมันยิ่งสั่นไหวเข้าไปใหญ่
 

“น่ารักจังเลยน้า ป๊าจะตายมันซะเดี๋ยวนี้เลยรู้มั้ย...”


“อื้อ คนที่จะตาย... น้ำปั่น อ๊ะ ต่างหาก”  น้ำปั่นได้แต่กัดปาก เสียงที่เปล่งออกมาสั่นพร่าพอๆ กับขาของน้ำปั่น ความรู้สึกหวิวไหวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อมือของฮ่องเต้ยังไม่หยุดสัมผัสกับส่วนนั้นของน้ำปั่น มีแต่จะขยับและเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ


ก็พอเคยจะทำเองอยู่หรอก แต่มันไม่เคยรู้สึกสุขใจและถึงใจมากขนาดนี้เลยนี่นา ทุกครั้งทำด้วยการนึกถึงหน้าฮ่องเต้ แต่ครั้งนี้มันต่างกันมาก เพราะคนที่ทำให้นั้นกลับเป็นฮ่องเต้ตัวเป็นๆ แต่น้ำปั่นคนนี้กำลังจะตายเอาให้ได้

 

“อย่าเพิ่งตายสิครับ ของจริงมันหลังจากนี้ต่างหากนะ” ฮ่องเต้กอดรัดร่างของน้ำปั่นเอาไว้แน่น คงกลัวว่าน้ำปั่นจะทรุดลงไป น้ำปั่นเองก็ยึดร่างของฮ่องเต้เอาไว้เพื่อเป็นหลักเช่นกัน ตอนนี้ความรู้สึกของน้ำปั่นเริ่มจะปะทุแล้ว ยิ่งฮ่องเต้ไล่เม้มผิวน้ำปั่นมากเท่าไหร่ ยิ่งขยับมือหนักหน่วงและเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ น้ำปั่นก็ยิ่งร้อนระอุภายใต้สายน้ำที่เย็นฉ่ำมากเท่านั้น


“อื้อ ฮ่องเต้จ๋า อ๊า...” ความอายมันตายเรียบไปแล้วล่ะ ตอนนี้ความต้องการมันเริ่มท้าทายความรู้สึกของน้ำปั่นเข้าแล้ว มันเหมือนมีประตูหนึ่งบานอยู่ตรงหน้า รอแค่น้ำปั่นเอื้อมมือไปคว้าและเปิดมันออก เพื่อก้าวเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของประตู


ถ้าเมื่อไหร่ที่น้ำปั่นก้าวข้ามมันไปได้ เชื่อเลยว่าทุกอย่างมันจะไม่ใช่เรื่องน่าอายของน้ำปั่นอีกต่อไปแล้ว


“ทั้งเสียง ทั้งร่างกายนี้ ป๊ารักที่สุด...”


“รักนะ อ๊า รักมากเลย” น้ำปั่นพูดไม่ไหวแล้วจริงๆ เสียงมันสั่นไปพร้อมๆ กับร่างกาย อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับน้ำปั่น มันทรมานมากเหลือเกิน แต่ในความทรมานกลับแฝงเอาไว้ซึ่งความสุข สุขจนแทบจะล้นทะลักออกมา
 

ฮ่องเต้กอดน้ำปั่นแน่นมาก ชอบจังเวลาที่ฮ่องเต้จูบที่ท้ายทอยแบบนี้ แต่ที่ชอบยิ่งกว่าก็คือสัมผัสจากมือของฮ่องเต้ที่ยังคงต่อเนื่องและถี่รัวขึ้น น้ำปั่นไม่สามารถยืนนิ่งๆ ได้เลย ยามนี้รู้สึกว่าตัวมันบิดไปหมด อาการแบบนี้เหมือนว่าอารมณ์ที่ครุกรุ่นมันกำลังจะได้รับการปลดปล่อยออกมา
 

“ตัวก็เล็ก เสียงก็เล็ก ไม่ว่าตรงไหนก็เล็กไปหมด...” ฮ่องเต้บ้า บ้า บ้า ที่สุดอ่ะ รู้นะว่าหมายถึงอะไร แต่น้ำปั่นไม่สนใจนี่ มันจะเล็กหรือจะอะไรก็เถอะ ยังไงซะน้ำปั่นก็ไม่ได้ใช้มันอยู่แล้วนี่ ทำไมน้ำปั่นจะไม่รู้ล่ะ ว่าตัวเองเป็นอะไรและต้องการอะไร น้ำปั่นไม่ได้ไร้เดียงสาสักหน่อย


“น้ำปั่น... จะไม่ไหวแล้ว อ่า” ก็พอจะรู้ว่าฮ่องเต้น่ะเจ้าเล่ห์ แต่ไม่คิดว่าจะเจ้าเล่ห์และชอบแกล้งมากขนาดนี้ เล่นผ่อนจังหวะให้เบาลง ทั้งๆ ที่อารมณ์ของน้ำปั่นมันเหมือนว่าจะรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ


“ก็อยากจะแกล้งอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นสีหน้าแบบนี้ ป๊าแกล้งไม่ลงจริงๆ” ฮ่องเต้ยื่นหน้ามาจูบน้ำปั่นอย่างดูดดื่มและแสนจะร้อนแรง มือที่ผ่อนจังหวะลงไปกลับมาเร่งจังหวะอีกครั้ง น้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ทั้งถูกจูบอย่างเนิ่นนาน ทั้งส่วนล่างที่ถูกจับและขยับไปมาระรัว


“อื้อ...” ไม่ไหวแล้วล่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ความรู้สึกทั้งหมดของน้ำปั่นถูกปลดเปลื้องออกมาจนหมดแล้ว สายน้ำจากฝักบัวชำละล้างความรู้สึกทั้งหมดของน้ำปั่นจากมือของฮ่องเต้ เรี่ยวแรงของน้ำปั่นมันหายไปจนหมดแล้ว ฮ่องเต้ต้องโอบกอดน้ำปั่นเอาไว้ทันที


“โอ๊ย! ป๊าเจ็บนะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ขอกัดที่อกของฮ่องเต้ให้จมเขี้ยวเลยแล้วกัน ขอเอาคืนที่มาทำให้น้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายแบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าน้ำปั่นรู้สึกดีมากแค่ไหน มีความสุขมากเพียงใด หัวใจมันลิงโลดจนลืมเรื่องเขินอายไปจนหมดเลยล่ะ


“ก็ฮ่องเต้แกล้งน้ำปั่นนี่ รู้ว่าน้ำปั่นทรมานก็ยังจะแกล้งกันอยู่ได้” น้ำปั่นพยายามทุบตีฮ่องเต้เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย ไอ้ตอนถูกกระทำแบบนั้นมันก็ไม่รู้สึกเขินนักหรอก มันเกิดความท้าทายและอยากรู้อยากลองขึ้นมามากกว่าน่ะสิ


แต่ตอนนี้มันอายเสียยิ่งกว่าตอนแรกเริ่มอีกนะ ยิ่งเวลาที่ถูกสายตาของตาแก่เจ้าเล่ห์จ้องมองแบบทุกรูขุมขน น้ำปั่นยืนแทบไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผยของคนคนนี้จริงๆ


“ยอมแพ้ครับ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ว่าแต่ยืนไหวหรือเปล่า เดี๋ยวป๊าล้างตัวให้แล้วไปนอนพักสักหน่อย...”


“เอ่อ ฮ่องเต้จะไม่ทำต่อแล้วหรอ... แบบน้ำปั่นก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรหรอกนะ น้ำปั่นก็แค่ถามดูเท่านั้น อย่ามามองน้ำปั่นด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนี้นะ...ตาแก่บ้าลามก” โหย มามองเหมือนกับว่าน้ำปั่นเป็นเด็กทะลึ่ง ทีตัวเองล่ะ ทำกับเค้าซะขนาดนั้น ไม่คิดว่าตัวเองลามกบ้างหรือไงนะตาแก่บ้า


“ฮ่าๆ อย่าด่าแก้เขินดิน้ำปั่น” ฮ่องเต้หยิบฝักบัวลงมาล้างตัวให้น้ำปั่นอย่างเบามือที่สุด แอบเห็นผิวตัวเองแล้วมันอื้อหือมาก มีร่องรอยจากการเม้มดูดอยู่ตั้งหลายรอย แต่น้ำปั่นไม่ว่าหรอก ก็บอกแล้วว่ารักฮ่องเต้มากนี่นา

 
“ไม่ทำต่อแล้วล่ะ น้ำปั่นยังเด็กเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกตามตรงป๊าเองก็ไม่เคยคบกับเด็กที่อายุน้อยแบบนี้ อีกอย่างป๊าก็รักน้ำปั่นมาก อยากจะถนอมให้ดีที่สุด ไม่ต้องกลัวว่าป๊าจะไม่กินน้ำปั่นหรอกนะ ทุกวันนี้ก็ตะล่อมกินทีละนิดทีละน้อย เอาไว้ถึงเวลาจะกินแบบไม่อั้น ต่อให้ออกปากห้ามป๊าก็จะไม่หยุดกิน รู้เอาไว้เลยนะ...” โอย น้ำปั่นจะบ้าตาย ทั้งมึน ทั้งฟิน ไม่รู้ว่าจะอินกับอารมณ์ไหนก่อนดี


“อุ้มหน่อย...นะ ขาน้ำปั่นไม่มีแรงเหลือแล้วนี่ จะทรุดตั้งแต่ที่ฮ่องเต้...ทำแบบนั้นแล้ว” ฮ่องเต้จัดการปิดน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อให้น้ำปั่น อุ้มร่างเล็กๆ ของน้ำปั่นขึ้นมาจากพื้น มีความสุขที่สุดอ่ะ น้ำปั่นว่าตัวเองก้าวข้ามประตูนั้นมาได้แล้วนะ ถึงจะยังหยุดยืนที่ปากประตูอยู่ก็เถอะ


แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาอีกนานเลยล่ะ น้ำปั่นเชื่อว่าตัวเองจะก้าวเดินต่อไปยังเส้นทางข้างหน้า และทุกอย่างมันจะต้องพัฒนาไปอีกแน่นอน


“ป๊าต้องเสียการปกครองแน่ๆ เลย รักมากไป ตามใจมากไป มีคนรักที่น่ารักมากไปแบบนี้ ปั่นป่วนไปหมดเลยว่ะ” ก็ไม่ได้จะพูดให้ใครมาอิจฉา แต่ว่าฮ่องเต้น่ะดูแลน้ำปั่นดีมากๆ เลย ยามนี้ร่างของน้ำปั่นถูกวางลงบนเตียงนอน ฮ่องเต้หยิบผ้าเช็ดผมมาจัดกาววางลงบนหัว ซับเส้นผมที่เปียกชุ่มอย่างเบามือที่สุด ตรงหน้าของน้ำปั่นคือกล้ามท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของฮ่องเต้


อ่า... น้ำปั่นอยากกัดซิกแพคของฮ่องเต้ชะมัด


“ว่าแต่เค้า ตัวเองก็เอาแต่ใจเหมือนกันนั่นแหล่ะ” ฮ่องเต้บีบแก้มน้ำปั่นอีกแล้ว แต่บีบแก้มเสร็จแล้วปลอบใจด้วยจูบแบบนี้ น้ำปั่นพอจะหยวนๆ ให้อยู่หรอก


“ตอนนี้เอาแต่ใจ เดี๋ยวอีกหน่อยจะเอาทั้งใจและตัวเลยนะ เตรียมตัวเป็นฮองเฮาของป๊าได้เลย ป๊าไม่ปล่อยให้รอดไปนานนักหรอก...” ตู้มเลย น้ำปั่นระเบิดตัวเองตายเลยล่ะ ตอนนี้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ตัวเปียกโชก คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัว หมุนๆ จนตัวเองถูกผ้าห่มม้วนเป็นไข่ม้วนไปแล้ว


“น้ำปั่น ออกมาเช็ดตัวก่อนสิวะ ไอ้แสบเอ๊ย จะเขินอะไรนักหนาก็ไม่รู้...” ฮ่องเต้พยายามดึง น้ำปั่นก็พยายามยื้อ โอย ไม่ยอมหรอก ตอนนี้ขอซุกตัวอยู่ในผ้าห่มก่อนเถอะ ก็ดันนึกภาพตามที่ฮ่องเต้ว่ามาแล้วหัวใจมันจะวายเอาน่ะสิ


จะผิดมั้ยนะ ถ้าน้ำปั่นเกิดความรู้สึกอยากเร่งวันเร่งเวลาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้...


...........100%..........


อ่านจบรบกวนกลับไปเม้นที่บ้านนิยายด้วยนะคะ ^^
http://writer.dek-d.com/mylovemysuju/story/view.php?id=914185