Sunday, August 10, 2014

CUT #เต้ปั่น #ยุ่งนัก 09. ความรู้สึกนี้คืออะไร (น้ำปั่น)

 

ระหว่างที่แกล้งนั่งทำการบ้าน ในใจก็เอาแต่คิดว่าทำยังไงถึงจะรวบรวมความกล้า เพื่อที่จะเลิกอายเลิกเขินฮ่องเต้เสียที ทุกวันนี้ทำอะไรไปก็เหมือนขุดหลุมฝังตัวเองทุกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้ มีเขินมีอายบ้าง แต่ไม่เคยตายคาที่เอาแบบนี้เลยแท้ๆ
 

จริงๆ น้ำปั่นควรจะทำใจให้ชินให้ได้สินะ ถ้าน้ำปั่นสามารถก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปได้สักหนึ่งครั้ง น้ำปั่นเชื่อว่าจะสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ความกล้าของน้ำปั่นที่จะก้าวข้ามมันไปนี่แหล่ะ


ก็พอรู้หรอกว่าจะต้องทำอะไรยังไงกันบ้าง น้ำปั่นไม่ได้ไร้เดียงสาเสียจนไม่รู้อะไรเลยนี่นา เรื่องกอด เรื่องจูบ มันเป็นแค่พื้นฐานของพื้นฐานต่างหาก เรื่องที่มันมากกว่านั้นยังรอให้น้ำปั่นเรียนรู้อีกเยอะ

 
แต่จะว่าไปแล้ว น้ำปั่นรักฮ่องเต้ไม่ใช่หรอ น้ำปั่นเชื่อใจฮ่องเต้นี่นา เพราะว่าเป็นฮ่องเต้คนที่แสนดียิ่งหว่าใครๆ คนนี้ น้ำปั่นจึงได้รักและเชื่อมั่นมาเสมอ ฮ่องเต้ไม่มีทางทำให้น้ำปั่นเจ็บและเสียใจอย่างแน่นอน


เหมือนจะได้คำตอบของคำถามมาบ้างแล้วล่ะ ถึงจะยังไม่ชัดเจนมาก แต่ก็มองเห็นอะไรลางๆ บ้างแล้ว

เอาน่าน้ำปั่น เชื่อมั่นในตัวฮ่องเต้ไม่ใช่หรอ ชีวิตนี้ฝากฝังเอาไว้กับคนคนนี้แล้วไม่ใช่รึไง จะเกิดอะไรก็ให้มันเกิดไปสิ จะไม่มีทางเสียใจอย่างแน่นอน เพราะว่าผู้ชายคนนี้คือฮ่องเต้ที่แสนดียังไงล่ะ


“ฮ่องเต้ น้ำปั่นร้อนมากเลยล่ะ วันนี้เรา เอ่อ อาบน้ำกันเร็วหน่อยดีกว่ามั้ย” หลังจากที่เก็บหนังสือและอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋า น้ำปั่นเดินไปนั่งลงข้างๆ โซฟาที่ฮ่องเต้นอนหลับตาอยู่ สะกิดแขนที่พาดยาวขนาบข้างลำตัวนั่นเบาๆ


“นั่นสินะ วันนี้อากาศมันร้อนยังไงก็ไม่รู้ ป๊าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่าเนอะ” ทั้งน้ำเสียง ทั้งสีหน้า บ่งบอกให้รู้เลยว่าฮ่องเต้เองก็กำลังอารมณ์ดีมากแค่ไหน มีการผิวปากพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้าน้ำปั่น พอจะเอื้อมมือไปจับ ฮ่องเต้ก็ฉวยมือไปกุมอย่างไว


“อากาศร้อนมากเลยสินะ ลูกป๊าถึงได้หน้าแดงแจ๋ลามไปทั้งหูทั้งคอ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย คิดอะไรอยู่ หืม” อย่าถามเลยว่าคิดอะไร เพราะน้ำปั่นคิดเยอะแยะเต็มไปหมดเลยอ่ะ สาธยายอีกหลายชั่วโมงก็คงไม่หมด


“แค่คิดว่าทำไมฮ่องเต้ถึงได้ดูเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา ชอบนักหรือไงแกล้งน้ำปั่นให้เขินได้แบบนี้...”


“เฮ้ย ป๊ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะเว้ย ก็ตัวเองมาเป็นคนชวนเอง เป็นคนเรียกให้ตื่นเพื่อไปอาบน้ำด้วยกันแท้ๆ” นั่นสินะ ที่ฮ่องเต้พูดมามันก็ไม่ผิด แต่ที่ผิดคงเป็นต่อมความเขินของน้ำปั่นเองมากกว่า


“ไม่เถียงกับฮ่องเต้แล้ว ไปเตรียมน้ำดีกว่า วันนี้จะแช่ในอ่างนะ...”


“ไม่ต้องเตรียมหรอก วันนี้ป๊าอยากอาบน้ำฝักบัวมากกว่า” ตอนนี้น้ำปั่นถูกจูงมาที่หน้าห้องนอน ฮ่องเต้เปิดประตูและพาน้ำปั่นเข้ามาทางด้านใน แค่อาบน้ำเองนะน้ำปั่น จะใจสั่นทำไมกัน เคยอาบด้วยกันมานักต่อนักแล้วไม่ใช่หรอ

 
“มานี่นะน้ำปั่น ยืนนิ่งๆ ตรงนี้ เดี๋ยวป๊าจะเป็นคนดูแลน้ำปั่นเอง” มือของน้ำปั่นถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ฮ่องเต้เดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวสีขาวติดมือมาสองผืน น้ำปั่นได้แต่ยืนนิ่งๆ มองดูคนตรงหน้าที่วางมือทั้งสองข้างลงบนไหล่ทั้งสองของน้ำปั่น


“น้ำปั่นรู้มั้ย ยิ่งนานวันป๊าก็ยิ่งละสายตาจากน้ำปั่นไม่ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือว่าทำอะไร สายตาก็จะคอยมองหาไอ้ตัวแสบตัวยุ่งที่โคตรน่ารักคนนี้ตลอด เฮ้อ เหนื่อยนะรู้มั้ย หัวใจป๊ามันทำงานหนักเกินไปแล้วเหอะ” คิดว่าตัวเองเหนื่อยคนเดียวหรือไง คิดว่าน้ำปั่นไม่ยิ่งเหนื่อยกว่าหรอ น้ำปั่นแทบจะละสายตาจากฮ่องเต้ไปไหนไม่ได้เลย


เพราะน้ำปั่นกลัวว่าถ้าละสายตาจากฮ่องเต้ พอรู้สึกตัวอีกทีฮ่องเต้ก็จะหายไปจากน้ำปั่น ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย อยากให้เราอยู่ด้วยกันอีกนานแสนนาน น้ำปั่นกลัวการอยู่คนเดียวนะรู้มั้ย


“สูงขึ้นนิดนึงนี่นา สูงถึงอกป๊าแล้วนะ” มือทั้งสองข้างเลื่อนมาปลดกระดุมเม็ดบนสุดอย่างเบา เสื้อของน้ำปั่นค่อยๆ ถูกปลดกระดุมออกทีละเม็ด สัมผัสแสนเบาจากมือคู่หนาที่ค่อยๆ ปลดกระดุมให้ เป็นเรื่องเล็กๆ ที่แสนวิเศษมากจริงๆ


 “ไม่อยากโตเลย อยากอยู่แค่นี้ อยากเป็นไอ้ตัวเล็กของฮ่องเต้ไปเรื่อยๆ” เสื้อนักเรียนสีขาวถูกถอดออกจากร่างกาย เข็มขัดกำลังถูกปลดด้วยมือของฮ่องเต้ เจ้าตัวนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าน้ำปั่น แต่ทว่าสายตายังคงมองสบกับดวงตาของน้ำปั่นตลอดเวลา


“ต่อให้น้ำปั่นโตขึ้นอีกแค่ไหน ยังไงก็ไม่มีทางสูงเท่าป๊าได้หรอก น้ำปั่นก็จะเป็นไอ้ตัวเล็กของป๊าไปตลอด” รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ ไม่ได้ทำให้น้ำปั่นรู้สึกผ่อนคลายลงเลย ก็ตอนนี้กางเกงนักเรียนถูกดึงลงมากองที่ข้อเท้าแล้วนี่นา นิ้วของฮ่องเต้กำลังเกี่ยวที่ขอบกางเกงในของน้ำปั่น ค่อยๆ ร่นลงมาทีละนิดๆ น้ำปันอายจัง ไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดี


“เขินรึไง ไม่ต้องอายป๊าหรอกน่า เห็นมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ถ้ามัวแต่เขินแล้วเมื่อไหร่จะได้เป็นฮองเฮาของฮ่องเต้ล่ะ นี่ป๊ารออยู่เลยนะ” ผ้าเช็ดตัวสีขาวถูกเอามาพันที่เอวของน้ำปั่น มือหนาๆ ตบลงบนหัวอย่างเบามือ ฮ่องเต้ถอดเสื้อของตัวเองออก คว้าเอาเสื้อผ้าของน้ำปั่นขึ้นมาจากพื้น จัดการโยนใส่ตะกร้าอย่างเรียบร้อย


“เข้าไปรอในห้องน้ำเลยครับ เดี๋ยวป๊าตามเข้าไป” น้ำปั่นเป็นเด็กดีที่ว่าง่ายมากๆ เพราะอย่างนั้นเลยเดินเข้ามาในห้องน้ำ มองนั่นมองนี่อย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี อีกแค่ไม่กี่นาทีฮ่องเต้ก็จะตามเข้ามาแล้ว หัวใจก็ยังเต้นไม่หยุด ทั้งๆ ที่บอกกับตัวเองแล้วแท้ๆ ว่าขอแค่เป็นฮ่องเต้ จะเชื่อใจ จะยอมทุกอย่างโดยที่ไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น


แอ๊ด...


เสียงประตูถูกดึงปิดทำให้น้ำปั่นสะดุ้งเล็กน้อย ยามนี้กำลังยืนหันหลังให้กับประตูห้องน้ำ แสร้งเดินหนีมาที่ใต้ฝักบัว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร ท่อนแขนแกร่งก็คว้าเข้าที่เอวของน้ำปั่น ใบหน้าที่เกยลงมาบนไหล่กับรอยยิ้มที่ส่งตรงมาให้ ทำเอาน้ำปั่นพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ


“ป๊าดูน่ากลัวมากจนน้ำปั่นต้องหนีเลยหรอครับ” เสียงทุ้มๆ ที่ดูเจ้าเล่ห์นิดๆ ของฮ่องเต้นี่แหล่ะตัวดีนักเชียว ทำเอาน้ำปั่นจะเป็นบ้าตายเอาให้ได้
 

“ก็เปล่า น้ำปั่นไม่ได้จะหนีสักหน่อย หวาๆ ฮ่องเต้อย่าดึงผ้าเช็ดตัวออกไปสิ” น้ำปั่นแทบจะหมุนตามแรงดึงของฮ่องเต้ พอหันไปจะคว้าผ้าเช็ดตัวคืนมา ก็ต้องรีบหันกลับทันที เพราะตอนนี้ภาพที่เห็นคือฮ่องเต้กำลังเปลือย แถมน้ำปั่นเองก็เปลือย
 

ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ


หัวใจน้ำปั่นมันจะหลุดออกมาที่นอกอกแล้วล่ะ ทำไมกัน ทั้งๆ ที่เห็นมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แต่ทำไมล่ะ ทำไมมันตื่นเต้นมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร น้ำปั่นจะตายแล้วจริงๆ นะ


“ถ้าอยากจะหนี ป๊าก็จะยอมให้หนี  น้ำปั่นก็รู้นี่ว่าป๊าไม่เคยคิดจะบังคับน้ำปั่น รักจนไม่รู้ว่าจะรักยังไงแล้ว ให้มาใจร้ายใส่เอาตอนนี้ก็คงไม่ได้ด้วย...” ฮ่องเต้ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง มือทั้งสองข้างโอบกอดรอบคอของน้ำปั่น หน้าผากของฮ่องเต้ซบลงมาที่กลุ่มผม ลมหายใจอุ่นๆ ของฮ่องเต้ กับเสียงของหัวใจน้ำปั่นสอดประสานกันเป็นจังหวะที่ดูแปลกชอบกล


“น้ำปั่นไม่ได้จะหนีสักหน่อย น้ำปั่นก็แค่... เอ่อ ก็แค่เขิน น้ำปั่นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงหยุดเขินไม่ได้ ทำไมถึงได้อายนักหนา ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็ไม่เคยรู้สึกอายมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราก็อาบน้ำด้วยกันมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง...” น้ำปั่นพลิกตัวเข้าหาฮ่องเต้ โอบกอดร่างสูงโปร่งของผู้ชายที่แสนใจดีเอาไว้แนบแน่น น้ำปั่นรักฮ่องเต้มาก มากจนไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดที่ตรงไหน


“นั่นสินะ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของน้ำปั่นหรอก ไม่อายสิแปลก ยิ่งเขินยิ่งน่ารัก ป๊าชอบที่น้ำปั่นเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ อืม ไม่ใช่แค่ชอบสิ แต่รักเลยล่ะ” นิ้วมือเรียวแตะที่ปลายคาง ออกแรงเชยหน้าให้เงยขึ้นเล็กน้อย น้ำปั่นมองหน้าฮ่องเต้ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนแรกจะก้มหน้าหนี แต่ต้องแข็งใจข่มความเขินอายเอาไว้ จ้องมองสบตากลับไปตรงๆ


“น้ำปั่น น่ารักมากเกินไปใจป๊ามันสั่นนะ” ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนลงมาแนบชิดมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำปั่นเผยอปากนิดๆ เพื่อรอรับจูบของฮ่องเต้อย่างเช่นเคย ถึงจะเขินหรืออายมากเพียงใด แต่ร่างกายก็ตอบรับอัตโนมัติเช่นกัน


“รักกันแล้วไม่ใช่หรอ รักป๊าใช่มั้ย เหมือนที่ป๊าเองก็รักน้ำปั่น...” ปากหยุ่นประกบลงมานิ่งๆ ยังไม่มีอะไรที่มากไปกว่านั้น น้ำปั่นกอดเอวของฮ่องเต้เอาไว้แน่น หัวใจไม่รักดีเต้นแรงอีกแล้ว น้ำปั่นรู้สึกโหวงไปหมด ก็มันไม่ใช่แค่จูบที่ฮ่องเต้กำลังเปลี่ยนจากสัมผัสอ่อนโยนเป็นดูดดื่มนี่นา


ร่างกายเปลือยเปล่าของเราสองคนแนบชิดกันมากๆ และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฮ่องเต้จัดการเปิดฝักบัวให้น้ำไหลรินลงมาเปียกปอนร่างกายของเราทั้งคู่ แต่มันไม่ได้ทำให้รสจูบของฮ่องเต้สะดุดลงเลย ร่างกายที่เปียกชุ่มของเรานั้น ทำให้สัมผัสจากอ้อมกอดดูลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
 

ความรู้สึกประหลาดที่กำลังเกิดกับน้ำปั่นมันคืออะไรกัน มันหวิวไหวหัวใจสั่นระรัว เหมือนจะทรมานแต่ก็มีความสุขไปด้วย ความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยนั้นมันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่นะ
 

ริมฝีปากที่เม้มกลีบปากน้ำปั่นไปมา ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบไปหมด ลิ้นที่ไล้เลียกลีบปากสลับกับการขบเม้ม สัมผัสที่ดูเจนจัดของฮ่องเต้ทำให้น้ำปั่นเคลิ้มและเริ่มจะหมดเรี่ยวแรง


“รักจัง รักที่สุดเลยคนนี้” ฮ่องเต้กระซิบบอกรักอีกครั้ง สัมผัสจากปลายลิ้นที่ลากไล้จากใบหูลงมาที่ปลายคาง ทำเอาน้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ยามที่ถูกประกบจูบอีกครั้ง ลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาเร่งเร้าเอาแต่ใจ ทำให้รู้สึกวาบไหวจนเหมือนร่างกายมันจะหมดเรี่ยวแรงเอาเสียดื้อๆ
 

“รัก...ฮ่องเต้...นะ” เสียงที่เอ่ยออกมานั้นสั่นจนน้ำปั่นรู้สึกได้ หลังที่พิงผนังสัมผัสได้ถึงความเย็นของมัน แต่หน้าอกที่ถูกซุกและลากไล้ลิ้นเลียไปทั่ว กลับร้อนระอุจนน้ำปั่นแทบทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนพิงผนัง ปล่อยให้สายน้ำชโลมลงมาที่ร่างกาย เผื่อว่ามันจะทำให้น้ำปั่นเย็นและสงบลงได้บ้าง


“ฮ่อง...เต้ อ๊ะ น้ำปั่น รู้สึกแปลกๆ อื้อ” ไม่ไหว ขามันเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงชอบกล น้ำปั่นแทบจะทรุดลงไปที่พื้นแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีแขนของฮ่องเต้ที่เกี่ยวกอดเอาไว้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการถูกคนที่เรารักสัมผัส มันจะทำให้รู้สึกปั่นป่วนได้มากถึงเพียงนี้
 

“ทำไมไอ้ตัวแสบของป๊าแพ้ไม่เป็นท่าแบบนี้วะ” ก็อยากจะเถียงหรอก แต่ ณ ตอนนี้ เถียงไม่ออกเลยสักคำ แถมฮ่องเต้ยังจับหมุนให้หันหลังแล้วยืนกอดซ้อนจากทางด้านหลัง ทั้งจูบไหล่ ทั้งซุกคอ ทั้งเม้มไปทั่วแบบนี้ บอกเลยว่ายอมแพ้ตั้งแต่วินาทีแรกแล้ว
 

“ไม่อยากแพ้หรอก... อื้อ แต่ก็... ไม่อยากชนะ” น้ำปั่นรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด รู้สึกเหมือนตนเองเริ่มไม่มีสติ ยิ่งฮ่องเต้ละเลงครีมอาบน้ำแล้วใช้มือลากไล้ไปทั่วจนมันเกิดฟอง ยิ่งมีฟองครีมมาช่วยให้สัมผัสมันลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ยิ่งฮ่องเต้ลากไล้ไปทั่วหน้าอกและท้องของน้ำปั่น ร่างกายมันยิ่งสั่นไหวเข้าไปใหญ่
 

“น่ารักจังเลยน้า ป๊าจะตายมันซะเดี๋ยวนี้เลยรู้มั้ย...”


“อื้อ คนที่จะตาย... น้ำปั่น อ๊ะ ต่างหาก”  น้ำปั่นได้แต่กัดปาก เสียงที่เปล่งออกมาสั่นพร่าพอๆ กับขาของน้ำปั่น ความรู้สึกหวิวไหวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อมือของฮ่องเต้ยังไม่หยุดสัมผัสกับส่วนนั้นของน้ำปั่น มีแต่จะขยับและเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ


ก็พอเคยจะทำเองอยู่หรอก แต่มันไม่เคยรู้สึกสุขใจและถึงใจมากขนาดนี้เลยนี่นา ทุกครั้งทำด้วยการนึกถึงหน้าฮ่องเต้ แต่ครั้งนี้มันต่างกันมาก เพราะคนที่ทำให้นั้นกลับเป็นฮ่องเต้ตัวเป็นๆ แต่น้ำปั่นคนนี้กำลังจะตายเอาให้ได้

 

“อย่าเพิ่งตายสิครับ ของจริงมันหลังจากนี้ต่างหากนะ” ฮ่องเต้กอดรัดร่างของน้ำปั่นเอาไว้แน่น คงกลัวว่าน้ำปั่นจะทรุดลงไป น้ำปั่นเองก็ยึดร่างของฮ่องเต้เอาไว้เพื่อเป็นหลักเช่นกัน ตอนนี้ความรู้สึกของน้ำปั่นเริ่มจะปะทุแล้ว ยิ่งฮ่องเต้ไล่เม้มผิวน้ำปั่นมากเท่าไหร่ ยิ่งขยับมือหนักหน่วงและเร็วมากขึ้นเท่าไหร่ น้ำปั่นก็ยิ่งร้อนระอุภายใต้สายน้ำที่เย็นฉ่ำมากเท่านั้น


“อื้อ ฮ่องเต้จ๋า อ๊า...” ความอายมันตายเรียบไปแล้วล่ะ ตอนนี้ความต้องการมันเริ่มท้าทายความรู้สึกของน้ำปั่นเข้าแล้ว มันเหมือนมีประตูหนึ่งบานอยู่ตรงหน้า รอแค่น้ำปั่นเอื้อมมือไปคว้าและเปิดมันออก เพื่อก้าวเดินข้ามไปยังอีกฝั่งของประตู


ถ้าเมื่อไหร่ที่น้ำปั่นก้าวข้ามมันไปได้ เชื่อเลยว่าทุกอย่างมันจะไม่ใช่เรื่องน่าอายของน้ำปั่นอีกต่อไปแล้ว


“ทั้งเสียง ทั้งร่างกายนี้ ป๊ารักที่สุด...”


“รักนะ อ๊า รักมากเลย” น้ำปั่นพูดไม่ไหวแล้วจริงๆ เสียงมันสั่นไปพร้อมๆ กับร่างกาย อาการแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับน้ำปั่น มันทรมานมากเหลือเกิน แต่ในความทรมานกลับแฝงเอาไว้ซึ่งความสุข สุขจนแทบจะล้นทะลักออกมา
 

ฮ่องเต้กอดน้ำปั่นแน่นมาก ชอบจังเวลาที่ฮ่องเต้จูบที่ท้ายทอยแบบนี้ แต่ที่ชอบยิ่งกว่าก็คือสัมผัสจากมือของฮ่องเต้ที่ยังคงต่อเนื่องและถี่รัวขึ้น น้ำปั่นไม่สามารถยืนนิ่งๆ ได้เลย ยามนี้รู้สึกว่าตัวมันบิดไปหมด อาการแบบนี้เหมือนว่าอารมณ์ที่ครุกรุ่นมันกำลังจะได้รับการปลดปล่อยออกมา
 

“ตัวก็เล็ก เสียงก็เล็ก ไม่ว่าตรงไหนก็เล็กไปหมด...” ฮ่องเต้บ้า บ้า บ้า ที่สุดอ่ะ รู้นะว่าหมายถึงอะไร แต่น้ำปั่นไม่สนใจนี่ มันจะเล็กหรือจะอะไรก็เถอะ ยังไงซะน้ำปั่นก็ไม่ได้ใช้มันอยู่แล้วนี่ ทำไมน้ำปั่นจะไม่รู้ล่ะ ว่าตัวเองเป็นอะไรและต้องการอะไร น้ำปั่นไม่ได้ไร้เดียงสาสักหน่อย


“น้ำปั่น... จะไม่ไหวแล้ว อ่า” ก็พอจะรู้ว่าฮ่องเต้น่ะเจ้าเล่ห์ แต่ไม่คิดว่าจะเจ้าเล่ห์และชอบแกล้งมากขนาดนี้ เล่นผ่อนจังหวะให้เบาลง ทั้งๆ ที่อารมณ์ของน้ำปั่นมันเหมือนว่าจะรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ


“ก็อยากจะแกล้งอยู่หรอกนะ แต่พอเห็นสีหน้าแบบนี้ ป๊าแกล้งไม่ลงจริงๆ” ฮ่องเต้ยื่นหน้ามาจูบน้ำปั่นอย่างดูดดื่มและแสนจะร้อนแรง มือที่ผ่อนจังหวะลงไปกลับมาเร่งจังหวะอีกครั้ง น้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย ทั้งถูกจูบอย่างเนิ่นนาน ทั้งส่วนล่างที่ถูกจับและขยับไปมาระรัว


“อื้อ...” ไม่ไหวแล้วล่ะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ความรู้สึกทั้งหมดของน้ำปั่นถูกปลดเปลื้องออกมาจนหมดแล้ว สายน้ำจากฝักบัวชำละล้างความรู้สึกทั้งหมดของน้ำปั่นจากมือของฮ่องเต้ เรี่ยวแรงของน้ำปั่นมันหายไปจนหมดแล้ว ฮ่องเต้ต้องโอบกอดน้ำปั่นเอาไว้ทันที


“โอ๊ย! ป๊าเจ็บนะ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ขอกัดที่อกของฮ่องเต้ให้จมเขี้ยวเลยแล้วกัน ขอเอาคืนที่มาทำให้น้ำปั่นสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายแบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าน้ำปั่นรู้สึกดีมากแค่ไหน มีความสุขมากเพียงใด หัวใจมันลิงโลดจนลืมเรื่องเขินอายไปจนหมดเลยล่ะ


“ก็ฮ่องเต้แกล้งน้ำปั่นนี่ รู้ว่าน้ำปั่นทรมานก็ยังจะแกล้งกันอยู่ได้” น้ำปั่นพยายามทุบตีฮ่องเต้เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย ไอ้ตอนถูกกระทำแบบนั้นมันก็ไม่รู้สึกเขินนักหรอก มันเกิดความท้าทายและอยากรู้อยากลองขึ้นมามากกว่าน่ะสิ


แต่ตอนนี้มันอายเสียยิ่งกว่าตอนแรกเริ่มอีกนะ ยิ่งเวลาที่ถูกสายตาของตาแก่เจ้าเล่ห์จ้องมองแบบทุกรูขุมขน น้ำปั่นยืนแทบไม่อยู่ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับสายตาโลมเลียอย่างเปิดเผยของคนคนนี้จริงๆ


“ยอมแพ้ครับ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ว่าแต่ยืนไหวหรือเปล่า เดี๋ยวป๊าล้างตัวให้แล้วไปนอนพักสักหน่อย...”


“เอ่อ ฮ่องเต้จะไม่ทำต่อแล้วหรอ... แบบน้ำปั่นก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรหรอกนะ น้ำปั่นก็แค่ถามดูเท่านั้น อย่ามามองน้ำปั่นด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบนี้นะ...ตาแก่บ้าลามก” โหย มามองเหมือนกับว่าน้ำปั่นเป็นเด็กทะลึ่ง ทีตัวเองล่ะ ทำกับเค้าซะขนาดนั้น ไม่คิดว่าตัวเองลามกบ้างหรือไงนะตาแก่บ้า


“ฮ่าๆ อย่าด่าแก้เขินดิน้ำปั่น” ฮ่องเต้หยิบฝักบัวลงมาล้างตัวให้น้ำปั่นอย่างเบามือที่สุด แอบเห็นผิวตัวเองแล้วมันอื้อหือมาก มีร่องรอยจากการเม้มดูดอยู่ตั้งหลายรอย แต่น้ำปั่นไม่ว่าหรอก ก็บอกแล้วว่ารักฮ่องเต้มากนี่นา

 
“ไม่ทำต่อแล้วล่ะ น้ำปั่นยังเด็กเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ บอกตามตรงป๊าเองก็ไม่เคยคบกับเด็กที่อายุน้อยแบบนี้ อีกอย่างป๊าก็รักน้ำปั่นมาก อยากจะถนอมให้ดีที่สุด ไม่ต้องกลัวว่าป๊าจะไม่กินน้ำปั่นหรอกนะ ทุกวันนี้ก็ตะล่อมกินทีละนิดทีละน้อย เอาไว้ถึงเวลาจะกินแบบไม่อั้น ต่อให้ออกปากห้ามป๊าก็จะไม่หยุดกิน รู้เอาไว้เลยนะ...” โอย น้ำปั่นจะบ้าตาย ทั้งมึน ทั้งฟิน ไม่รู้ว่าจะอินกับอารมณ์ไหนก่อนดี


“อุ้มหน่อย...นะ ขาน้ำปั่นไม่มีแรงเหลือแล้วนี่ จะทรุดตั้งแต่ที่ฮ่องเต้...ทำแบบนั้นแล้ว” ฮ่องเต้จัดการปิดน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวมาห่อให้น้ำปั่น อุ้มร่างเล็กๆ ของน้ำปั่นขึ้นมาจากพื้น มีความสุขที่สุดอ่ะ น้ำปั่นว่าตัวเองก้าวข้ามประตูนั้นมาได้แล้วนะ ถึงจะยังหยุดยืนที่ปากประตูอยู่ก็เถอะ


แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังมีเวลาอีกนานเลยล่ะ น้ำปั่นเชื่อว่าตัวเองจะก้าวเดินต่อไปยังเส้นทางข้างหน้า และทุกอย่างมันจะต้องพัฒนาไปอีกแน่นอน


“ป๊าต้องเสียการปกครองแน่ๆ เลย รักมากไป ตามใจมากไป มีคนรักที่น่ารักมากไปแบบนี้ ปั่นป่วนไปหมดเลยว่ะ” ก็ไม่ได้จะพูดให้ใครมาอิจฉา แต่ว่าฮ่องเต้น่ะดูแลน้ำปั่นดีมากๆ เลย ยามนี้ร่างของน้ำปั่นถูกวางลงบนเตียงนอน ฮ่องเต้หยิบผ้าเช็ดผมมาจัดกาววางลงบนหัว ซับเส้นผมที่เปียกชุ่มอย่างเบามือที่สุด ตรงหน้าของน้ำปั่นคือกล้ามท้องที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของฮ่องเต้


อ่า... น้ำปั่นอยากกัดซิกแพคของฮ่องเต้ชะมัด


“ว่าแต่เค้า ตัวเองก็เอาแต่ใจเหมือนกันนั่นแหล่ะ” ฮ่องเต้บีบแก้มน้ำปั่นอีกแล้ว แต่บีบแก้มเสร็จแล้วปลอบใจด้วยจูบแบบนี้ น้ำปั่นพอจะหยวนๆ ให้อยู่หรอก


“ตอนนี้เอาแต่ใจ เดี๋ยวอีกหน่อยจะเอาทั้งใจและตัวเลยนะ เตรียมตัวเป็นฮองเฮาของป๊าได้เลย ป๊าไม่ปล่อยให้รอดไปนานนักหรอก...” ตู้มเลย น้ำปั่นระเบิดตัวเองตายเลยล่ะ ตอนนี้ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทั้งๆ ที่ตัวเปียกโชก คว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัว หมุนๆ จนตัวเองถูกผ้าห่มม้วนเป็นไข่ม้วนไปแล้ว


“น้ำปั่น ออกมาเช็ดตัวก่อนสิวะ ไอ้แสบเอ๊ย จะเขินอะไรนักหนาก็ไม่รู้...” ฮ่องเต้พยายามดึง น้ำปั่นก็พยายามยื้อ โอย ไม่ยอมหรอก ตอนนี้ขอซุกตัวอยู่ในผ้าห่มก่อนเถอะ ก็ดันนึกภาพตามที่ฮ่องเต้ว่ามาแล้วหัวใจมันจะวายเอาน่ะสิ


จะผิดมั้ยนะ ถ้าน้ำปั่นเกิดความรู้สึกอยากเร่งวันเร่งเวลาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแบบนี้...


...........100%..........


อ่านจบรบกวนกลับไปเม้นที่บ้านนิยายด้วยนะคะ ^^
http://writer.dek-d.com/mylovemysuju/story/view.php?id=914185

No comments:

Post a Comment