Wednesday, April 22, 2015

CUT #พายุสายฝน ตอน 15. ชัดเจน (พายุ)




15. ชัดเจน (พายุ & สายฝน)


(พายุ)
สองวันมานี้สภาพอากาศน่าหงุดหงิดมากจริงๆ ไม่ใช่เพราะอาการหงุดหงิดเวลาฝนตกกลับมาเล่นงานผมอีกครั้งหรอกครับ แต่เพราะว่าฝนตกหนักเหมือนฟ้ารั่วติดต่อกันมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ต่างหากที่เป็นสาเหตุ

เพราะว่าผมไม่มีรถยนต์ที่จะพาสายฝนไปเรียนได้โดยไม่ต้องเปียกปอน หอพักที่อยู่ก็น้ำท่วมขังขึ้นมาถึงหน้าแข้ง เวลาเดินทางไปมหาลัยก็ลำบากลำบนต้องพากันเดินถกขากางเกงลุยน้ำท่วมขังออกไปขึ้นรถประจำทาง ถ้าโชคดีหน่อยก็เจอสองแถวให้สัญจรลุยน้ำออกไปได้
 
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้สึกว่าการมีรถยนต์มันสำคัญเท่านี้มาก่อน ผมไม่ได้แคร์ที่ไอ้เอ้มันดูถูกผม แต่ผมแคร์คนที่ดีกับผมมากๆ อย่างไอ้ฝนต่างหาก ครั้งก่อนที่มันป่วยจนต้องนอนซมทั้งคืนอย่างทรมาน ผมก็ไม่อยากให้มันต้องป่วยและมีอาการแบบนั้นอีก


แต่จะให้ผมไปนั่งเซ้าซี้หรือขอให้แม่ซื้อรถยนต์ให้มันก็ไม่ใช่นิสัยของผม ผมคิดว่าสำหรับผมมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไร ผมไม่ได้ตั้งใจจะตั้งรกรากที่นี่ เรียนจบก็คงกลับบ้านเกิดเพื่อไปสานต่อดูแลไร่ส้มของครอบครัว

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่แคร์หรือไม่ห่วงใยคนข้างกายที่ทำให้ผมมีความสุขได้มากมายอย่างสายฝน เพราะว่าเป็นห่วงและอยากให้มันรู้สึกว่าการอยู่กับผมทำให้มันมีความสุขได้นั่นแหละ ผมถึงต้องมานั่งคิดเรื่องหอพักใหม่

ในความคิดของผมตอนนี้คือถ้าเราสามารถย้ายหอพักไปอยู่ในที่ที่น้ำไม่ท่วมขังแบบที่นี่ อาจจะไกลมหาลัยสักหน่อย แต่ถ้าสัญจรสะดวกกว่านี้ก็น่าจะพอลดปัญหาเรื่องการเดินทางไปได้มาก


ผมไม่เคยรู้สึกกังวลกับเรื่องที่พักเท่านี้มาก่อน ตั้งแต่ที่ตัดสินใจมาอยู่ที่หอพักแห่งนี้ก็ทำใจเรื่องน้ำท่วมขังมาตั้งแต่แรก หนึ่งปีเจอแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นอกจากนั้นก็สะดวกสบายดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงอยู่ยาวมาจนขึ้นปีที่สาม


“คิดอะไรวะ ทำหน้ายุ่งเชียว” ฝนใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่เอวของผม ผมสลัดความคิดเรื่องที่วุ่นวายอยู่ในใจออกและหันมามองหน้าคนข้างกายที่กำลังเดินลุยน้ำอยู่ด้วยกัน น้ำลดลงจากเมื่อเช้านี้มากแล้ว จากหน้าแข้งลงมาเยอะพอสมควร ฝนมันหิ้วรองเท้าผ้าใบข้างหนึ่ง มืออีกข้างหอบเฟรมภาพเอาไว้ ผมก็ช่วยมันถือของอยู่เต็มไม้เต็มมือ ถึงสภาพรอบกายจะชวนให้หงุดหงิดใจ แต่บนใบหน้าของสายฝนยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเสมอ


“กำลังคิดว่าเราย้ายหอพักดีมั้ยวะ หาที่ที่น้ำไม่ท่วมแบบนี้ เดินทางไกลหน่อยแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วม...”


“ถ้าคิดมากเพราะกลัวว่ากูจะลำบากก็เลิกคิดไปได้เลย เพราะกูไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไร” สายฝนยักคิ้วให้ มันเดินลุยน้ำอย่างไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง อาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเองอยู่คนเดียว

“กูไม่อยากให้มึงต้องมาลำบากไปกับกูหรอกนะฝน...”


“คิดเยอะนะครับคุณแฟน แค่นี้ถ้ากูมองว่ามันลำบาก ต่อจากนี้ไปถ้าเจออะไรที่มันหนักหนากว่านี้กูจะสู้ไหวได้ไงวะ เรื่องแค่นี้สำหรับกูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือว่าลำบากอะไร อย่าคิดมากดิวะ แล้วก็อย่าคิดแทนกูด้วย ถ้าอยากรู้ว่ากูคิดอะไรอยู่ก็ถามมาตรงๆ เลยพายุ อย่าคิดเองคนเดียวแล้วเครียดแบบนี้ แก่เร็วนะครับ” สายฝนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม บรรยากาศชวนให้รู้สึกถึงความน่าเบื่อหน่าย แต่การได้มองใบหน้าของคนข้างกายที่มีแต่รอยยิ้มก็ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ ขึ้นมามากทีเดียว


“กูแคร์ความรู้สึกมึงมากไปหรือเปล่าวะ กูคงคิดแทนมึงอย่างที่มึงว่าจริงๆ นั่นแหละ แต่กูอยากให้มึงรู้สึกว่ากูดูแลมึงได้ไม่ใช่พามึงมาลำบากลำบนแบบนี้” ผมกับฝนเดินขึ้นมาที่หอพัก สภาพหลังน้ำลดก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ขยะเกลื่อนไปหมด แต่เดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดอย่างเรียบร้อยในวันรุ่งขึ้น


“ก็บอกว่าอย่าคิดมากไง สนุกจะตายห่า ชีวิตหนึ่งมันต้องเจอให้ครบทุกรูปแบบเว้ย กูไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เดินอยู่แต่บนกลีบกุหลาบ ชีวิตกูเจอขวากหนามบ้างอะไรบ้างให้พอมีสีสัน เกิดมาสบายแล้วมันดีตรงไหนวะ ต่อไปถ้าไม่มีคนคอยตามใจหรือคอยดูแล แม่งไม่ตายห่าเพราะทำอะไรไม่เป็นหรือไง...”

“ถ้ากูมีแฟนแล้วมันให้กูอยู่เฉยๆ งอมืองอตีน หรือไม่ยอมให้กูขยับทำห่าอะไรด้วยตัวเองเลย กูว่ากูเป็นบ้าตายแน่ๆ มึงก็รู้กูเป็นพวกอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้ กูชอบออกไปหาประสบการณ์ให้กับชีวิต เพราะฉะนั้นกูเดินมาถูกทางแล้ว นี่ไง... ถึงหอพักแล้ว” ผมได้แต่ยิ้มขำกับความคิดและมุกของสายฝน เราสองคนเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสามและเดินตรงมายังห้องของเรา ฝนวางของและเปิดประตู มันผายมือให้ผมเดินเข้าไปทางด้านในเพราะผมถือของมาเยอะกว่า

“อยู่กับมึงแล้วกูสบายใจดีว่ะ มึงเป็นคนแปลกๆ นะฝน ความคิดมึงก็แปลก แต่ไอ้ความแปลกกลับทำให้กูสบายใจ... มีแฟนดีชีวิตแม่งก็ดีตามไปด้วยว่ะ” ผมวางของลงตรงฝั่งของฝน ส่วนแฟนผมก็วางของและเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที

“มาล้างเท้าครับพายุ เดี๋ยวน้ำกัดเท้าเถอะมึง” ผมเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้น เปลี่ยนเสื้อนักศึกษาออกและใส่เสื้อกล้ามแทน เดินเข้าไปในห้องน้ำตามเสียงเรียกของสายฝนที่ดังก้องอยู่ทางด้านใน

“กูล้างเท้าให้เอาเปล่า...”

“ไม่เอาครับ กูทำเองได้ ให้มึงมาทำอะไรแบบนี้ให้ได้ยังไง...” ผมรีบปฏิเสธทันที ผมไม่ได้อยากให้มันมาทำอะไรแบบนี้ให้ ถึงมันจะเป็นคนไม่คิดอะไรมาก แต่สำหรับผมจะไม่ยอมให้ฝนมาทำอะไรแบบนี้ให้แน่ๆ

“ทีกูไม่สบายมึงยังดูแลกูได้เลยนะพายุ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย...”

“กูรู้ว่ามึงไม่คิดมาก แต่กูไม่อยากให้มึงเป็นฝ่ายทำทุกอย่างให้กู อะไรที่กูทำเองได้ก็ให้กูทำเอง อยู่ด้วยกันช่วยกันดูแลกันไปแบบนี้ดีแล้ว ขอบใจมึงนะฝน กูรับไว้แค่น้ำใจก็แล้วกัน” ผมยื่นหน้าเข้าไปแตะจมูกเบาๆ ที่แก้มของสายฝน มันน่ารักมาก ถึงจะดูกวนๆ ในบางอารมณ์ แต่สายฝนก็เป็นคนที่น่ารักอยู่วันยังค่ำ

เป็นคนที่ดูเหมือนจะหวานแต่ก็ยังคงความห้าวเอาไว้เสมอ เป็นคนที่ดูเหมือนบอบบางแต่ก็เข้มแข็งมากกว่าที่ใครจะคิด เป็นคนดีมากเลยทีเดียวครับ
 
“แค่หอมแก้มเองหรอวะ นึกว่าจะจูบปากซะอีก แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูจูบเอง” ว่าแล้วฝนก็ยื่นหน้ามาหาและแตะปากลงบนปากของผมในทันทีทันใด มันถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง มีการเลียปากตัวเองนิดๆ พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าหวานๆ ของมัน

“กูเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่ามึงคือความสุขของกู แค่มึงยิ้มให้เวลาที่กูมองหา แค่นั้นก็พอแล้วพายุ กูไม่ต้องการอะไรจากมึงเลยนอกจากความรู้สึกดีๆ ของมึง เงินทอง ความสุขสบาย หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นๆ อยากได้จากคนรัก นั่นมันความคิดของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ความคิดของกู” นี่แหละครับสายฝน คนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของผมไปมาก แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผมยอมรับและรู้สึกดีที่มันเกิดขึ้น

“เพราะฉะนั้น... เลิกคิดมากเลิกคิดเล็กคิดน้อยแล้วมีความสุขไปกับกูเหอะนะ” สายฝนตบบ่าผมเบาๆ มันเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ สายฝนทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเมื่อก่อนทัศนะคติของผมแย่มาก โลกรอบกายดูน่าเบื่อหน่ายไปหมด ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย


แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีจุดหมายและเริ่มคิดที่จะทำเพื่อใครสักคนขึ้นมาบ้างแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมก็เพราะรูมเมทคนใหม่ที่ขยับเข้ามาเป็นแฟนของผมในขณะนี้ และผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ สายฝนจะขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนรักของผมได้อย่างแน่นอน


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าฝนกำลังถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยนชุด มองดูแผ่นหลังบางๆ เปลือยเปล่าขาวผ่อง มีรอยสักรูปดาวดวงเล็กดวงน้อยตรงท้ายทอย อดที่จะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้ ยิ่งนานวันฝนยิ่งทำให้ผมเกิดความรู้สึกดีๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

“หิวมั้ยวะ?” ผมสวมกอดสายฝนจากทางด้านหลัง จูบลงบนท้ายทอยตรงดวงดาวดวงเล็กๆ แผ่วเบา ฝนตัวบางแต่ก็ไม่ได้ตัวเบามากนัก รู้สึกได้เลยว่ามันตัวหนักยามที่พลิกตัวขึ้นมานอนทับบนร่างของผมในบางครั้งที่ฝนนึกสนุกขึ้นมา

 
“ยังไม่หิวเลยว่ะ หรือว่ามึงหิว เดี๋ยวกูทำมาม่าผัดให้” ฝนเอียงคอหันมามอง ผมหอมแก้มฝนเบาๆ และเกยคางอยู่บนไหล่เปลือยเปล่าอยู่อย่างนั้น ถูกบ่นว่าไรหนวดทิ่มเนื้อมันจนรู้สึกจั๊กจี้ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ผมเลิกกอดสักคำ


“กูไม่ได้หิวหรอก แค่หาเรื่องเข้ามากอดมึงเท่านั้นแหละ จะกอดเฉยๆ ก็กระไรอยู่ เลยหาเรื่องถามไปงั้นเอง” ความอบอุ่นจากร่างกายของสายฝนทำให้ผมรู้สึกอุ่นไปทั้งร่างกาย แต่ความอบอุ่นจากใจของฝนต่างหากที่ทำให้ความหนาวเหน็บของความทรงจำในวันฝนตกอบอุ่นขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง

 
“น่ารักใส่กูอีกแล้วพายุ อย่ามาอ่อยให้อยากแล้วชิ่งหนีไปแบบทุกครั้งล่ะ ให้กูจับมึงปล้ำสักทีสองทีก่อนได้มั้ยวะ จะรู้สึกขอบคุณมากเลย” ผมไล่งับที่ซอกคอของฝนอย่างจงใจแกล้ง เมื่อก่อนเคยกังวลและรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมีความผิดปกติที่รู้สึกชอบผู้ชายด้วยกัน เลยไม่เคยแสดงท่าทีอะไรต่อหนาวมากนัก มีแค่ความรู้สึกดีๆ และความห่วงหาอาทรเอาใจใส่เท่านั้น

แต่กับสายฝนมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกอยากสัมผัสมันก่อเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาทีเดียวในฉับพลัน แต่เหมือนมันค่อยๆ สะสมความรู้สึกและความต้องการทีละเล็กทีละน้อย จนมันแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ

และตอนนี้ผมก็ไม่มีความรู้สึกอยากจะปล่อยให้สายฝนออกจากอ้อมกอดนี่เลยว่ะ

“ถ้ากูกอดมึงแน่นๆ ตัวมึงจะหักมั้ยวะ อย่าปล่อยให้ผอมมากกว่านี้นะครับคุณแฟน เท่านี้นี่กำลังกอดเลยว่ะ ตัวนุ่ม ผิวนิ่ม น่าหอมฉิบหาย” ผมดูเบลอๆ กับความชิดใกล้ของเราสองคน มือสอดประสานอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ ปากสัมผัสลงบนเนินไหล่เนียนและลากไล้ไปมาจนถึงลำคอนุ่ม

 
“อยากหอมกูหรอพายุ... กูโคตรเต็มใจเลยว่ะ” สายฝนพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับผม มันยกมือขึ้นโอบกอดรอบคอและขยับร่างกายเข้ามาชิดใกล้ สายตาหวานพราวระยับดูซุกซนและเขินอายในคราเดียวกัน

“ยั่วแล้วไม่ชิ่งแฮะ... วันนี้มาแปลกว่ะ” ฝนดันผมให้เดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าวขาก็ชนเข้ากับเตียงนอนทันที ถูกออกแรงดันให้ทิ้งตัวลงนั่งลงไป สายฝนโน้มตัวลงมาหาพร้อมกับดันร่างผมให้เอนหลังลงบนเตียงนอน ร่างบางๆ ขยับขึ้นมานอนทับอยู่บนร่างของผมในทันที

“ทุกทีกูไม่ได้ชิ่ง ก็แค่รู้สึกว่าควรจะหยุดแค่นั้น แต่วันนี้กูกลับรู้สึกว่า... อยากได้มากกว่านั้นสักหน่อย” ผมโน้มคอฝนลงมาใกล้ สายตาไม่อาจละไปจากใบหน้าสวยชวนมองกับริมฝีปากบางแดงที่เอาแต่คลี่ยิ้มอย่างชอบอกชอบใจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้


“จูบนะ...” ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน ผมเอ่ยปากขออย่างตรงไปตรงมา ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด แต่ผมกำลังเก้อกับท่าทีของตนเองในวันนี้ที่ดูมากและชัดเจนกว่าทุกครั้ง

เพราะว่าคนคนนี้คือสายฝน เพราะคนคนนี้คือคนที่ทำให้ใจผมเปลี่ยน เพราะคนคนนี้คือคนที่ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะ รัก ใครอีกครั้ง

 
ใช่แล้วล่ะ... ผมรักสายฝนเข้าแล้ว


...CUT…
 

ริมฝีปากของเราประกบเข้าหากัน ความอ่อนนุ่มของกลีบปากบางแดงฉ่ำละมุนและสร้างความรู้สึกดีให้กับผมได้เสมอ จูบของฝนอ่อนหวานแต่แฝงเอาไว้ด้วยความเอาแต่ใจ แต่ก็เต็มไปด้วยการตามใจให้ผมหลงระเริงกับรสจูบที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มมากขึ้นทุกขณะ

ผมกอดรัดเอวบางคอดเสียแน่น ลูบมือไปทั่วแผ่นหลังเปลือยนุ่มลื่น ขยับมุมและเอียงหน้าเข้าหารสจูบที่ร้อนแรงมากขึ้นเล็กน้อย ผมได้ยินเสียงสายฝนโหมกระหน่ำเทลงมาอีกครั้ง แต่ความสนใจของผมก็กลับมาสู่จูบที่ลึกล้ำด้วยการเพิ่มสัมผัสของลิ้นเข้ามาข้องเกี่ยว

 
“พายุ... กูขอสัมผัสได้มั้ยวะ” ฝนถอนริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เราสองคนเพลิดเพลินกับจูบมาราธรแสนยาวนานที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่ มือของฝนสัมผัสอยู่ตรงขอบบ็อกเซอร์ สายตายั่วเย้าชวนให้อารมณ์หวิวไหวของมันสั่นสะท้านและมองสบตากับผมอยู่ไม่ห่าง ใช่แค่ฝนคนเดียวที่อารมณ์เตลิด ผมเองก็ใช่จะคุมความรู้สึกของตนเองได้มากนัก


“ตามใจเลยครับ... คุณแฟน” ผมกระซิบข้างหู เม้มติ่งหูฝนเบาๆ ซุกหน้าลงบนซอกคออ่อนนุ่มสูดกลิ่นกายของสายฝนด้วยความหลงใหล สัมผัสจากมือเรียวสอดเข้ามาทางด้านในบ็อกเซอร์ ผมเม้มเนื้อนุ่มตรงซอกคอฝนเบาๆ เพื่อข่มความหวิวไหวยามที่ถูกลูบไล้ด้วยมือของมัน


“มึงก็สัมผัสกูด้วยสิยุ” มืออีกข้างของฝนเอื้อมมาจับมือของผมและสอดเข้าไปในกางเกงของมัน ผมได้แต่เม้มเนื้อของฝนแรงขึ้นยามที่มือสัมผัสกับความอ่อนไหวที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้กางเกงสีดำที่ฝนสวมใส่ ปฏิกิริยาตอบสนองของสิ่งนั้นชัดเจนในความต้องการมากจริงๆ


เราสองคนประกบจูบกันอีกครั้ง เสียงอื้ออึงดังในลำคอของเราทั้งคู่ สัมผัสจากมือของผมและฝนยังคงเป็นการลูบไล้ของอีกฝ่ายไปมาเพื่อทำความเคยชินกันมัน เราเองก็ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าการที่ผู้ชายสองคนมาเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมา มันจะต้องเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างกับเราทั้งคู่

 
แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าแค่สัมผัสจากนิ้วมือจะทำให้รู้สึกดีได้มากขนาดนี้เช่นกัน ทั้งๆ ที่เป็นสัมผัสจากมือเหมือนกัน แต่การที่คนที่เรารู้สึกดีเป็นฝ่ายทำให้ ทำไมความตื่นเต้นและอัตราการเต้นของหัวใจถึงได้เปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้


“อ่า...” เราสองคนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน กางเกงร่นลงมาจากเดิมเล็กน้อย มือของอีกคนก็สัมผัสและสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้อีกคนอย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับมันทำให้ผมล่องลอยกว่าที่คิด เป็นความสุขที่คงมีเพียงแค่ฝนคนเดียวเท่านั้นที่จะมอบให้แก่ผม


ท่วงทำนองของสายฝนดูเพราะมากกว่าทุกครั้ง ความเย็นของอากาศไม่สามารถเล่นงานเราได้เลย ความร้อนระอุที่ฝ่ามือและร่างกายของเราทั้งคู่ทำให้ความเย็นไม่อาจทำให้เรารู้สึกอะไรได้


“พายุ...” สายฝนส่งยิ้มให้และยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง ผมยื่นหน้าเข้าไปหาและรับรสจูบที่แสนดื่มดำของสายฝนด้วยความเต็มใจ ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้เพราะสายฝน แค่ฝนคนเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่ผมรู้สึกต้องการ ไม่ว่าจะกับใครที่ไหน แม้แต่กับหนาวเองก็ตาม ผมไม่เคยเกิดความรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนเลยสักครั้ง

“สายฝน...” ผมเอ่ยเรียกชื่อของตรงหน้า รอยยิ้มของสายฝนเต็มไปด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม ฝนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยยามที่ผมขยับมือเร็วมากขึ้น ผมซุกหน้าลงที่อกเปลือยเปล่าของสายฝน จูบลงบนอกข้างซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ กดจูบและออกแรงเม้มเนื้อนุ่มจนเกิดรอยจางๆ ไปทั่วหน้าอกบางๆ อย่างโหยหา ความรู้สึกแบบนี้มันห่างหายไปนานมากแล้ว จนผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับใครได้อีก


แต่สำหรับผม... สายฝนคือข้อยกเว้นของทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ


“รักได้มั้ย...” ผมหลับตาแต่ก็พยักหน้ารับแทนคำตอบ ยิ่งฝ่ามือเรียวเร่งจังหวะมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขยับมือตัวเองเร่งจังหวะเร็วตามมากเท่านั้น เราสองคนเวียนวนจูบกันอย่างไม่รู้เบื่อ ทั้งผมและฝนต่างก็ติดในสัมผัสของริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยกันทั้งคู่ ยิ่งจูบกันมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกอิ่มเอมในใจมากเท่านั้น

ความปั่นป่วนเล่นงานผมอย่างหนัก เหมือนมีบางอย่างวิ่งวนอยู่ทั่วร่างกาย มันเสียวซ่านและเกร็งสะท้านเมื่ออารมณ์ปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด


“อ่า...” ฝนเองก็ไม่ต่างกัน ร่างบางๆ กระตุกเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างถึงฝั่งฝัน ฝนหอบหายใจเล็กน้อย เราต่างนอนกอดก่ายกันเอาไว้โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มองสบตากันเลยสักนิด

“กูรักมึงแล้วว่ะฝน...” ผมกระซิบบอกในสิ่งที่ผมรู้สึก คนที่เอาแต่ก้มหน้าซุกอยู่ที่อกของผมเงยหน้าขึ้นมามองในทันทีทันใด เหมือนมันจะแปลกใจที่ได้ยินเช่นนั้น และสีหน้าของฝนก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นดีใจอย่างเต็มที่ รอยยิ้มของมันไม่อาจปกปิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เลย

“รักมึงแล้วนะ ไม่ใช่แค่ชอบแล้ว มึงไม่ได้เป็นแค่แฟน แต่เป็นคนรักของกูแล้วนะสายฝน... กูรักมึง” ผมบอกย้ำอีกครั้ง ปากแดงเม้มเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มในที่สุด ฝนเอาแต่ยิ้มกว้างและใช้หน้าผากโขกที่อกของผมไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ

“ขอบใจนะพายุ กูมีความสุขฉิบหายเลยว่ะ” ในที่สุดฝนก็พูดออกมาเสียที หลังจากที่ปล่อยให้ผมโอบกอดอยู่เนิ่นนาน ผมไม่เคยรู้สึกดีกับใครมากเท่านี้ ไม่เคยรู้สึกชัดเจนกับใครได้เท่าที่เป็นกับสายฝนมาก่อน คนนี้พิเศษกว่าคนไหนๆ เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไขอะไร

“กูต่างหากที่ต้องขอบใจ... ขอบใจที่มึงชอบกู ขอบใจที่มึงเดินเข้ามาในชีวิตกู ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ... ที่รัก” ผมไม่รู้ว่าฝนเขินมากแค่ไหน รู้แค่ว่าตอนนี้มันกัดผมไปทั่วจนรู้สึกเจ็บและชาไปหมด แต่ผมก็ปล่อยให้มันระบายความเขินออกมาด้วยวิธีของมันไปจนกว่ามันจะพอใจนั่นแหละครับ

“โอย... กูเขินนะพายุ มึงแม่งน่ารักมากอ่ะ กูโคตรมีความสุขเลยว่ะ รักมึงเหมือนกันครับ... ที่รักของกู” ผมถูกหอมแก้ม ถูกจูบปาก ถูกกอดแนบแน่นจนแทบขยับไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ ที่สภาพร่างกายของเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะมาพูดเรื่องโรแมนติกอะไรแบบนี้เลย มันออกจะอีโรติกขนาดนี้แท้ๆ

“ขอบคุณนะฝน” ผมโอบกอดฝนเอาไว้แนบกาย กระซิบขอบคุณอีกครั้งด้วยความเต็มตื้นในใจ ถ้าฝนไม่เข้ามา ผมก็คงไม่ได้รับรู้ถึงความสุขของการได้รักใครแบบนี้ไปอีกนานแสนนานแน่นอน

“ไม่เป็นไรพายุ กูเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อมึงอยู่แล้ว...” ความสุขของผมก่อเกิดขึ้นมาได้เพราะสายฝน... คนรักที่แสนน่ารักของผมคนนี้

 
..........


อ่านจบแล้วก็แวะกลับไปเมท้ากันได้ที่บ้านนิยายนะคะ ^^

1 comment:

  1. ถ้าจะน่ารักกันขนาดนี้นะคะ อ้ากกกกกกกกกกกก เขินอ่าาาาา

    ReplyDelete