15. ชัดเจน (พายุ & สายฝน)
(พายุ)
สองวันมานี้สภาพอากาศน่าหงุดหงิดมากจริงๆ
ไม่ใช่เพราะอาการหงุดหงิดเวลาฝนตกกลับมาเล่นงานผมอีกครั้งหรอกครับ
แต่เพราะว่าฝนตกหนักเหมือนฟ้ารั่วติดต่อกันมาตั้งแต่เมื่อวานนี้ต่างหากที่เป็นสาเหตุ
เพราะว่าผมไม่มีรถยนต์ที่จะพาสายฝนไปเรียนได้โดยไม่ต้องเปียกปอน
หอพักที่อยู่ก็น้ำท่วมขังขึ้นมาถึงหน้าแข้ง เวลาเดินทางไปมหาลัยก็ลำบากลำบนต้องพากันเดินถกขากางเกงลุยน้ำท่วมขังออกไปขึ้นรถประจำทาง
ถ้าโชคดีหน่อยก็เจอสองแถวให้สัญจรลุยน้ำออกไปได้
ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยรู้สึกว่าการมีรถยนต์มันสำคัญเท่านี้มาก่อน
ผมไม่ได้แคร์ที่ไอ้เอ้มันดูถูกผม แต่ผมแคร์คนที่ดีกับผมมากๆ อย่างไอ้ฝนต่างหาก
ครั้งก่อนที่มันป่วยจนต้องนอนซมทั้งคืนอย่างทรมาน
ผมก็ไม่อยากให้มันต้องป่วยและมีอาการแบบนั้นอีก
แต่จะให้ผมไปนั่งเซ้าซี้หรือขอให้แม่ซื้อรถยนต์ให้มันก็ไม่ใช่นิสัยของผม
ผมคิดว่าสำหรับผมมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นอะไร ผมไม่ได้ตั้งใจจะตั้งรกรากที่นี่
เรียนจบก็คงกลับบ้านเกิดเพื่อไปสานต่อดูแลไร่ส้มของครอบครัว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่แคร์หรือไม่ห่วงใยคนข้างกายที่ทำให้ผมมีความสุขได้มากมายอย่างสายฝน
เพราะว่าเป็นห่วงและอยากให้มันรู้สึกว่าการอยู่กับผมทำให้มันมีความสุขได้นั่นแหละ
ผมถึงต้องมานั่งคิดเรื่องหอพักใหม่
ในความคิดของผมตอนนี้คือถ้าเราสามารถย้ายหอพักไปอยู่ในที่ที่น้ำไม่ท่วมขังแบบที่นี่
อาจจะไกลมหาลัยสักหน่อย
แต่ถ้าสัญจรสะดวกกว่านี้ก็น่าจะพอลดปัญหาเรื่องการเดินทางไปได้มาก
ผมไม่เคยรู้สึกกังวลกับเรื่องที่พักเท่านี้มาก่อน
ตั้งแต่ที่ตัดสินใจมาอยู่ที่หอพักแห่งนี้ก็ทำใจเรื่องน้ำท่วมขังมาตั้งแต่แรก
หนึ่งปีเจอแค่ไม่กี่วันเท่านั้น นอกจากนั้นก็สะดวกสบายดีไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง จึงอยู่ยาวมาจนขึ้นปีที่สาม
“คิดอะไรวะ
ทำหน้ายุ่งเชียว” ฝนใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่เอวของผม ผมสลัดความคิดเรื่องที่วุ่นวายอยู่ในใจออกและหันมามองหน้าคนข้างกายที่กำลังเดินลุยน้ำอยู่ด้วยกัน
น้ำลดลงจากเมื่อเช้านี้มากแล้ว จากหน้าแข้งลงมาเยอะพอสมควร
ฝนมันหิ้วรองเท้าผ้าใบข้างหนึ่ง มืออีกข้างหอบเฟรมภาพเอาไว้
ผมก็ช่วยมันถือของอยู่เต็มไม้เต็มมือ ถึงสภาพรอบกายจะชวนให้หงุดหงิดใจ
แต่บนใบหน้าของสายฝนยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มเสมอ
“กำลังคิดว่าเราย้ายหอพักดีมั้ยวะ
หาที่ที่น้ำไม่ท่วมแบบนี้ เดินทางไกลหน่อยแต่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วม...”
“ถ้าคิดมากเพราะกลัวว่ากูจะลำบากก็เลิกคิดไปได้เลย
เพราะกูไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบากอะไร” สายฝนยักคิ้วให้
มันเดินลุยน้ำอย่างไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง อาจจะเป็นผมที่คิดมากไปเองอยู่คนเดียว
“กูไม่อยากให้มึงต้องมาลำบากไปกับกูหรอกนะฝน...”
“คิดเยอะนะครับคุณแฟน
แค่นี้ถ้ากูมองว่ามันลำบาก
ต่อจากนี้ไปถ้าเจออะไรที่มันหนักหนากว่านี้กูจะสู้ไหวได้ไงวะ เรื่องแค่นี้สำหรับกูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือว่าลำบากอะไร
อย่าคิดมากดิวะ แล้วก็อย่าคิดแทนกูด้วย ถ้าอยากรู้ว่ากูคิดอะไรอยู่ก็ถามมาตรงๆ
เลยพายุ อย่าคิดเองคนเดียวแล้วเครียดแบบนี้ แก่เร็วนะครับ”
สายฝนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม บรรยากาศชวนให้รู้สึกถึงความน่าเบื่อหน่าย
แต่การได้มองใบหน้าของคนข้างกายที่มีแต่รอยยิ้มก็ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ
ขึ้นมามากทีเดียว
“กูแคร์ความรู้สึกมึงมากไปหรือเปล่าวะ
กูคงคิดแทนมึงอย่างที่มึงว่าจริงๆ นั่นแหละ
แต่กูอยากให้มึงรู้สึกว่ากูดูแลมึงได้ไม่ใช่พามึงมาลำบากลำบนแบบนี้” ผมกับฝนเดินขึ้นมาที่หอพัก
สภาพหลังน้ำลดก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ขยะเกลื่อนไปหมด
แต่เดี๋ยวก็มีเจ้าหน้าที่มาทำความสะอาดอย่างเรียบร้อยในวันรุ่งขึ้น
“ก็บอกว่าอย่าคิดมากไง
สนุกจะตายห่า ชีวิตหนึ่งมันต้องเจอให้ครบทุกรูปแบบเว้ย
กูไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เดินอยู่แต่บนกลีบกุหลาบ ชีวิตกูเจอขวากหนามบ้างอะไรบ้างให้พอมีสีสัน
เกิดมาสบายแล้วมันดีตรงไหนวะ ต่อไปถ้าไม่มีคนคอยตามใจหรือคอยดูแล
แม่งไม่ตายห่าเพราะทำอะไรไม่เป็นหรือไง...”
“ถ้ากูมีแฟนแล้วมันให้กูอยู่เฉยๆ
งอมืองอตีน หรือไม่ยอมให้กูขยับทำห่าอะไรด้วยตัวเองเลย กูว่ากูเป็นบ้าตายแน่ๆ
มึงก็รู้กูเป็นพวกอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้ กูชอบออกไปหาประสบการณ์ให้กับชีวิต
เพราะฉะนั้นกูเดินมาถูกทางแล้ว นี่ไง... ถึงหอพักแล้ว”
ผมได้แต่ยิ้มขำกับความคิดและมุกของสายฝน
เราสองคนเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสามและเดินตรงมายังห้องของเรา ฝนวางของและเปิดประตู
มันผายมือให้ผมเดินเข้าไปทางด้านในเพราะผมถือของมาเยอะกว่า
“อยู่กับมึงแล้วกูสบายใจดีว่ะ
มึงเป็นคนแปลกๆ นะฝน ความคิดมึงก็แปลก แต่ไอ้ความแปลกกลับทำให้กูสบายใจ...
มีแฟนดีชีวิตแม่งก็ดีตามไปด้วยว่ะ” ผมวางของลงตรงฝั่งของฝน
ส่วนแฟนผมก็วางของและเดินเข้าไปในห้องน้ำทันที
“มาล้างเท้าครับพายุ
เดี๋ยวน้ำกัดเท้าเถอะมึง” ผมเปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้น
เปลี่ยนเสื้อนักศึกษาออกและใส่เสื้อกล้ามแทน
เดินเข้าไปในห้องน้ำตามเสียงเรียกของสายฝนที่ดังก้องอยู่ทางด้านใน
“กูล้างเท้าให้เอาเปล่า...”
“ไม่เอาครับ
กูทำเองได้ ให้มึงมาทำอะไรแบบนี้ให้ได้ยังไง...” ผมรีบปฏิเสธทันที
ผมไม่ได้อยากให้มันมาทำอะไรแบบนี้ให้ ถึงมันจะเป็นคนไม่คิดอะไรมาก
แต่สำหรับผมจะไม่ยอมให้ฝนมาทำอะไรแบบนี้ให้แน่ๆ
“ทีกูไม่สบายมึงยังดูแลกูได้เลยนะพายุ
ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย...”
“กูรู้ว่ามึงไม่คิดมาก
แต่กูไม่อยากให้มึงเป็นฝ่ายทำทุกอย่างให้กู อะไรที่กูทำเองได้ก็ให้กูทำเอง
อยู่ด้วยกันช่วยกันดูแลกันไปแบบนี้ดีแล้ว ขอบใจมึงนะฝน กูรับไว้แค่น้ำใจก็แล้วกัน”
ผมยื่นหน้าเข้าไปแตะจมูกเบาๆ ที่แก้มของสายฝน มันน่ารักมาก ถึงจะดูกวนๆ
ในบางอารมณ์ แต่สายฝนก็เป็นคนที่น่ารักอยู่วันยังค่ำ
เป็นคนที่ดูเหมือนจะหวานแต่ก็ยังคงความห้าวเอาไว้เสมอ
เป็นคนที่ดูเหมือนบอบบางแต่ก็เข้มแข็งมากกว่าที่ใครจะคิด
เป็นคนดีมากเลยทีเดียวครับ
“แค่หอมแก้มเองหรอวะ
นึกว่าจะจูบปากซะอีก แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูจูบเอง”
ว่าแล้วฝนก็ยื่นหน้ามาหาและแตะปากลงบนปากของผมในทันทีทันใด
มันถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง มีการเลียปากตัวเองนิดๆ
พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าหวานๆ ของมัน
“กูเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่ามึงคือความสุขของกู
แค่มึงยิ้มให้เวลาที่กูมองหา แค่นั้นก็พอแล้วพายุ
กูไม่ต้องการอะไรจากมึงเลยนอกจากความรู้สึกดีๆ ของมึง เงินทอง ความสุขสบาย
หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นๆ อยากได้จากคนรัก
นั่นมันความคิดของคนอื่นซึ่งไม่ใช่ความคิดของกู” นี่แหละครับสายฝน
คนที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในชีวิตของผมไปมาก
แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ผมยอมรับและรู้สึกดีที่มันเกิดขึ้น
“เพราะฉะนั้น...
เลิกคิดมากเลิกคิดเล็กคิดน้อยแล้วมีความสุขไปกับกูเหอะนะ” สายฝนตบบ่าผมเบาๆ
มันเดินออกจากห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมยืนยิ้มอยู่คนเดียวเงียบๆ
สายฝนทำให้ผมรู้สึกได้ว่าเมื่อก่อนทัศนะคติของผมแย่มาก
โลกรอบกายดูน่าเบื่อหน่ายไปหมด ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้จุดหมาย
แต่ตอนนี้ผมเริ่มมีจุดหมายและเริ่มคิดที่จะทำเพื่อใครสักคนขึ้นมาบ้างแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมก็เพราะรูมเมทคนใหม่ที่ขยับเข้ามาเป็นแฟนของผมในขณะนี้
และผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ สายฝนจะขยับฐานะขึ้นมาเป็นคนรักของผมได้อย่างแน่นอน
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าฝนกำลังถอดเสื้อเพื่อเปลี่ยนชุด
มองดูแผ่นหลังบางๆ เปลือยเปล่าขาวผ่อง มีรอยสักรูปดาวดวงเล็กดวงน้อยตรงท้ายทอย
อดที่จะสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ไม่ได้ ยิ่งนานวันฝนยิ่งทำให้ผมเกิดความรู้สึกดีๆ
มากขึ้นเรื่อยๆ
“หิวมั้ยวะ?”
ผมสวมกอดสายฝนจากทางด้านหลัง จูบลงบนท้ายทอยตรงดวงดาวดวงเล็กๆ แผ่วเบา
ฝนตัวบางแต่ก็ไม่ได้ตัวเบามากนัก รู้สึกได้เลยว่ามันตัวหนักยามที่พลิกตัวขึ้นมานอนทับบนร่างของผมในบางครั้งที่ฝนนึกสนุกขึ้นมา
“ยังไม่หิวเลยว่ะ
หรือว่ามึงหิว เดี๋ยวกูทำมาม่าผัดให้” ฝนเอียงคอหันมามอง ผมหอมแก้มฝนเบาๆ
และเกยคางอยู่บนไหล่เปลือยเปล่าอยู่อย่างนั้น
ถูกบ่นว่าไรหนวดทิ่มเนื้อมันจนรู้สึกจั๊กจี้ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ผมเลิกกอดสักคำ
“กูไม่ได้หิวหรอก
แค่หาเรื่องเข้ามากอดมึงเท่านั้นแหละ จะกอดเฉยๆ ก็กระไรอยู่
เลยหาเรื่องถามไปงั้นเอง”
ความอบอุ่นจากร่างกายของสายฝนทำให้ผมรู้สึกอุ่นไปทั้งร่างกาย
แต่ความอบอุ่นจากใจของฝนต่างหากที่ทำให้ความหนาวเหน็บของความทรงจำในวันฝนตกอบอุ่นขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง
“น่ารักใส่กูอีกแล้วพายุ
อย่ามาอ่อยให้อยากแล้วชิ่งหนีไปแบบทุกครั้งล่ะ
ให้กูจับมึงปล้ำสักทีสองทีก่อนได้มั้ยวะ จะรู้สึกขอบคุณมากเลย”
ผมไล่งับที่ซอกคอของฝนอย่างจงใจแกล้ง
เมื่อก่อนเคยกังวลและรู้สึกว่าตัวเองอาจจะมีความผิดปกติที่รู้สึกชอบผู้ชายด้วยกัน
เลยไม่เคยแสดงท่าทีอะไรต่อหนาวมากนัก มีแค่ความรู้สึกดีๆ
และความห่วงหาอาทรเอาใจใส่เท่านั้น
แต่กับสายฝนมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกอยากสัมผัสมันก่อเกิดขึ้นมาเรื่อยๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาทีเดียวในฉับพลัน
แต่เหมือนมันค่อยๆ สะสมความรู้สึกและความต้องการทีละเล็กทีละน้อย
จนมันแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ
และตอนนี้ผมก็ไม่มีความรู้สึกอยากจะปล่อยให้สายฝนออกจากอ้อมกอดนี่เลยว่ะ
“ถ้ากูกอดมึงแน่นๆ
ตัวมึงจะหักมั้ยวะ อย่าปล่อยให้ผอมมากกว่านี้นะครับคุณแฟน
เท่านี้นี่กำลังกอดเลยว่ะ ตัวนุ่ม ผิวนิ่ม น่าหอมฉิบหาย” ผมดูเบลอๆ
กับความชิดใกล้ของเราสองคน มือสอดประสานอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ
ปากสัมผัสลงบนเนินไหล่เนียนและลากไล้ไปมาจนถึงลำคอนุ่ม
“อยากหอมกูหรอพายุ...
กูโคตรเต็มใจเลยว่ะ” สายฝนพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากับผม
มันยกมือขึ้นโอบกอดรอบคอและขยับร่างกายเข้ามาชิดใกล้
สายตาหวานพราวระยับดูซุกซนและเขินอายในคราเดียวกัน
“ยั่วแล้วไม่ชิ่งแฮะ...
วันนี้มาแปลกว่ะ” ฝนดันผมให้เดินถอยหลังไปไม่กี่ก้าวขาก็ชนเข้ากับเตียงนอนทันที
ถูกออกแรงดันให้ทิ้งตัวลงนั่งลงไป
สายฝนโน้มตัวลงมาหาพร้อมกับดันร่างผมให้เอนหลังลงบนเตียงนอน ร่างบางๆ ขยับขึ้นมานอนทับอยู่บนร่างของผมในทันที
“ทุกทีกูไม่ได้ชิ่ง
ก็แค่รู้สึกว่าควรจะหยุดแค่นั้น แต่วันนี้กูกลับรู้สึกว่า...
อยากได้มากกว่านั้นสักหน่อย” ผมโน้มคอฝนลงมาใกล้
สายตาไม่อาจละไปจากใบหน้าสวยชวนมองกับริมฝีปากบางแดงที่เอาแต่คลี่ยิ้มอย่างชอบอกชอบใจในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้
“จูบนะ...”
ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน ผมเอ่ยปากขออย่างตรงไปตรงมา ทั้งๆ
ที่มันไม่จำเป็นเลยสักนิด
แต่ผมกำลังเก้อกับท่าทีของตนเองในวันนี้ที่ดูมากและชัดเจนกว่าทุกครั้ง
เพราะว่าคนคนนี้คือสายฝน
เพราะคนคนนี้คือคนที่ทำให้ใจผมเปลี่ยน เพราะคนคนนี้คือคนที่ทำให้ผมเรียนรู้ที่จะ ‘รัก’ ใครอีกครั้ง
ใช่แล้วล่ะ...
ผมรักสายฝนเข้าแล้ว
...CUT…
ริมฝีปากของเราประกบเข้าหากัน
ความอ่อนนุ่มของกลีบปากบางแดงฉ่ำละมุนและสร้างความรู้สึกดีให้กับผมได้เสมอ
จูบของฝนอ่อนหวานแต่แฝงเอาไว้ด้วยความเอาแต่ใจ แต่ก็เต็มไปด้วยการตามใจให้ผมหลงระเริงกับรสจูบที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มมากขึ้นทุกขณะ
ผมกอดรัดเอวบางคอดเสียแน่น
ลูบมือไปทั่วแผ่นหลังเปลือยนุ่มลื่น
ขยับมุมและเอียงหน้าเข้าหารสจูบที่ร้อนแรงมากขึ้นเล็กน้อย
ผมได้ยินเสียงสายฝนโหมกระหน่ำเทลงมาอีกครั้ง แต่ความสนใจของผมก็กลับมาสู่จูบที่ลึกล้ำด้วยการเพิ่มสัมผัสของลิ้นเข้ามาข้องเกี่ยว
“พายุ...
กูขอสัมผัสได้มั้ยวะ”
ฝนถอนริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เราสองคนเพลิดเพลินกับจูบมาราธรแสนยาวนานที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่
มือของฝนสัมผัสอยู่ตรงขอบบ็อกเซอร์ สายตายั่วเย้าชวนให้อารมณ์หวิวไหวของมันสั่นสะท้านและมองสบตากับผมอยู่ไม่ห่าง
ใช่แค่ฝนคนเดียวที่อารมณ์เตลิด ผมเองก็ใช่จะคุมความรู้สึกของตนเองได้มากนัก
“ตามใจเลยครับ...
คุณแฟน” ผมกระซิบข้างหู เม้มติ่งหูฝนเบาๆ
ซุกหน้าลงบนซอกคออ่อนนุ่มสูดกลิ่นกายของสายฝนด้วยความหลงใหล
สัมผัสจากมือเรียวสอดเข้ามาทางด้านในบ็อกเซอร์ ผมเม้มเนื้อนุ่มตรงซอกคอฝนเบาๆ
เพื่อข่มความหวิวไหวยามที่ถูกลูบไล้ด้วยมือของมัน
“มึงก็สัมผัสกูด้วยสิยุ”
มืออีกข้างของฝนเอื้อมมาจับมือของผมและสอดเข้าไปในกางเกงของมัน
ผมได้แต่เม้มเนื้อของฝนแรงขึ้นยามที่มือสัมผัสกับความอ่อนไหวที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้กางเกงสีดำที่ฝนสวมใส่
ปฏิกิริยาตอบสนองของสิ่งนั้นชัดเจนในความต้องการมากจริงๆ
เราสองคนประกบจูบกันอีกครั้ง
เสียงอื้ออึงดังในลำคอของเราทั้งคู่
สัมผัสจากมือของผมและฝนยังคงเป็นการลูบไล้ของอีกฝ่ายไปมาเพื่อทำความเคยชินกันมัน
เราเองก็ต่างรู้อยู่แก่ใจว่าการที่ผู้ชายสองคนมาเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกัน
ถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมา มันจะต้องเกิดสิ่งใดขึ้นบ้างกับเราทั้งคู่
แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าแค่สัมผัสจากนิ้วมือจะทำให้รู้สึกดีได้มากขนาดนี้เช่นกัน
ทั้งๆ ที่เป็นสัมผัสจากมือเหมือนกัน แต่การที่คนที่เรารู้สึกดีเป็นฝ่ายทำให้
ทำไมความตื่นเต้นและอัตราการเต้นของหัวใจถึงได้เปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้
“อ่า...”
เราสองคนนอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน กางเกงร่นลงมาจากเดิมเล็กน้อย
มือของอีกคนก็สัมผัสและสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้อีกคนอย่างต่อเนื่อง
ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับมันทำให้ผมล่องลอยกว่าที่คิด
เป็นความสุขที่คงมีเพียงแค่ฝนคนเดียวเท่านั้นที่จะมอบให้แก่ผม
ท่วงทำนองของสายฝนดูเพราะมากกว่าทุกครั้ง
ความเย็นของอากาศไม่สามารถเล่นงานเราได้เลย
ความร้อนระอุที่ฝ่ามือและร่างกายของเราทั้งคู่ทำให้ความเย็นไม่อาจทำให้เรารู้สึกอะไรได้
“พายุ...”
สายฝนส่งยิ้มให้และยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง
ผมยื่นหน้าเข้าไปหาและรับรสจูบที่แสนดื่มดำของสายฝนด้วยความเต็มใจ
ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้เพราะสายฝน แค่ฝนคนเดียวเท่านั้นจริงๆ ที่ผมรู้สึกต้องการ
ไม่ว่าจะกับใครที่ไหน แม้แต่กับหนาวเองก็ตาม ผมไม่เคยเกิดความรู้สึกดีเท่านี้มาก่อนเลยสักครั้ง
“สายฝน...”
ผมเอ่ยเรียกชื่อของตรงหน้า รอยยิ้มของสายฝนเต็มไปด้วยความรู้สึกปลื้มปริ่ม
ฝนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยยามที่ผมขยับมือเร็วมากขึ้น
ผมซุกหน้าลงที่อกเปลือยเปล่าของสายฝน จูบลงบนอกข้างซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ
กดจูบและออกแรงเม้มเนื้อนุ่มจนเกิดรอยจางๆ ไปทั่วหน้าอกบางๆ อย่างโหยหา
ความรู้สึกแบบนี้มันห่างหายไปนานมากแล้ว
จนผมรู้สึกว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับใครได้อีก
แต่สำหรับผม...
สายฝนคือข้อยกเว้นของทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ
“รักได้มั้ย...”
ผมหลับตาแต่ก็พยักหน้ารับแทนคำตอบ ยิ่งฝ่ามือเรียวเร่งจังหวะมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขยับมือตัวเองเร่งจังหวะเร็วตามมากเท่านั้น
เราสองคนเวียนวนจูบกันอย่างไม่รู้เบื่อ
ทั้งผมและฝนต่างก็ติดในสัมผัสของริมฝีปากของอีกฝ่ายด้วยกันทั้งคู่
ยิ่งจูบกันมากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกอิ่มเอมในใจมากเท่านั้น
ความปั่นป่วนเล่นงานผมอย่างหนัก
เหมือนมีบางอย่างวิ่งวนอยู่ทั่วร่างกาย
มันเสียวซ่านและเกร็งสะท้านเมื่ออารมณ์ปรารถนาที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด
“อ่า...”
ฝนเองก็ไม่ต่างกัน ร่างบางๆ กระตุกเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างถึงฝั่งฝัน
ฝนหอบหายใจเล็กน้อย เราต่างนอนกอดก่ายกันเอาไว้โดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มองสบตากันเลยสักนิด
“กูรักมึงแล้วว่ะฝน...”
ผมกระซิบบอกในสิ่งที่ผมรู้สึก
คนที่เอาแต่ก้มหน้าซุกอยู่ที่อกของผมเงยหน้าขึ้นมามองในทันทีทันใด
เหมือนมันจะแปลกใจที่ได้ยินเช่นนั้น
และสีหน้าของฝนก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นดีใจอย่างเต็มที่
รอยยิ้มของมันไม่อาจปกปิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้เลย
“รักมึงแล้วนะ
ไม่ใช่แค่ชอบแล้ว มึงไม่ได้เป็นแค่แฟน แต่เป็นคนรักของกูแล้วนะสายฝน... กูรักมึง”
ผมบอกย้ำอีกครั้ง ปากแดงเม้มเล็กน้อยแต่ก็คลี่ยิ้มในที่สุด
ฝนเอาแต่ยิ้มกว้างและใช้หน้าผากโขกที่อกของผมไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ
“ขอบใจนะพายุ
กูมีความสุขฉิบหายเลยว่ะ” ในที่สุดฝนก็พูดออกมาเสียที
หลังจากที่ปล่อยให้ผมโอบกอดอยู่เนิ่นนาน ผมไม่เคยรู้สึกดีกับใครมากเท่านี้
ไม่เคยรู้สึกชัดเจนกับใครได้เท่าที่เป็นกับสายฝนมาก่อน คนนี้พิเศษกว่าคนไหนๆ
เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไขอะไร
“กูต่างหากที่ต้องขอบใจ...
ขอบใจที่มึงชอบกู ขอบใจที่มึงเดินเข้ามาในชีวิตกู
ขอบใจสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะครับ... ที่รัก” ผมไม่รู้ว่าฝนเขินมากแค่ไหน
รู้แค่ว่าตอนนี้มันกัดผมไปทั่วจนรู้สึกเจ็บและชาไปหมด แต่ผมก็ปล่อยให้มันระบายความเขินออกมาด้วยวิธีของมันไปจนกว่ามันจะพอใจนั่นแหละครับ
“โอย...
กูเขินนะพายุ มึงแม่งน่ารักมากอ่ะ กูโคตรมีความสุขเลยว่ะ รักมึงเหมือนกันครับ...
ที่รักของกู” ผมถูกหอมแก้ม ถูกจูบปาก ถูกกอดแนบแน่นจนแทบขยับไปไหนไม่ได้ ทั้งๆ
ที่สภาพร่างกายของเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะมาพูดเรื่องโรแมนติกอะไรแบบนี้เลย
มันออกจะอีโรติกขนาดนี้แท้ๆ
“ขอบคุณนะฝน”
ผมโอบกอดฝนเอาไว้แนบกาย กระซิบขอบคุณอีกครั้งด้วยความเต็มตื้นในใจ ถ้าฝนไม่เข้ามา
ผมก็คงไม่ได้รับรู้ถึงความสุขของการได้รักใครแบบนี้ไปอีกนานแสนนานแน่นอน
“ไม่เป็นไรพายุ
กูเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อมึงอยู่แล้ว...” ความสุขของผมก่อเกิดขึ้นมาได้เพราะสายฝน...
คนรักที่แสนน่ารักของผมคนนี้
..........
อ่านจบแล้วก็แวะกลับไปเมท้ากันได้ที่บ้านนิยายนะคะ
^^
ถ้าจะน่ารักกันขนาดนี้นะคะ อ้ากกกกกกกกกกกก เขินอ่าาาาา
ReplyDelete