Sunday, September 14, 2014

CUT #เต้ปั่น #ยุ่งนัก 11. ไม่คาดฝัน (น้ำปั่น)





แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มของโซฟา ฮ่องเต้เดินไปดับไฟในบ้านทั้งหลังให้มืดสนิท มีเพียงแค่แสงจากภายนอกที่ลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ผ้าม่านถูกสายลมพัดปลิวไสวอย่างสวยงาม

เมื่อละสายตาจากสิ่งรอบข้างกลับมามองตรงหน้า ก็พบว่าฮ่องเต้กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ตรงหน้าโซฟาที่น้ำปั่นถูกวางร่างให้นอนเหยียด มือแกร่งประทับลงมาที่แก้มอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มที่ส่งตรงมาทำให้หัวใจของน้ำปั่นสั่นไหวได้เสมอ

“ป๊ารักน้ำปั่น... มันมากจนไม่รู้ว่ามากเกินไปหรือเปล่า” ฮ่องเต้ก้มหน้าลงมาใช้หน้าผากแตะกับหน้าผากของน้ำปั่น  สายตาของเราประสานกัน น้ำปั่นรู้สึกได้ถึงอารมณ์ปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในสายตาของฮ่องเต้

“ไม่เป็นไร น้ำปั่นชอบที่จะได้รับความรักจากฮ่องเต้นี่นา จะรักมากกว่านี้ก็ได้ ไม่เป็นไรนะ...” จมูกโด่งจรดลงมาที่แก้ม สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ฮ่องเต้เคยชมและออกปากว่าชอบเป็นที่สุด ไม่รู้หรอกว่าครั้งนี้จะไปถึงขั้นไหน แต่น้ำปั่นก็พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรคือสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการก็ตามที

“ไหวหรอ ความรักของป๊ามันอาจจะมากเกินกว่าที่น้ำปั่นจะรับไหวก็ได้นะ...”

“ไหวสิ ฮ่องเต้ก็น่าจะรู้ น้ำปั่นเกิดมาเพื่อรัก และเพื่อรับความรักจากฮ่องเต้ ยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี มันทำให้น้ำปั่นมีความสุขมากกว่าสิ่งไหนๆ” ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอ ส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง มือข้างหนึ่งของฮ่องเต้ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อให้น้ำปั่นทีละเม็ด ปากหยุ่นๆ ประกบลงมาอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้กลับดูดดื่มและร้อนแรงมากขึ้น

“อื้อ...” ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ถูกนิ้วหนากดคลึงอยู่ที่หน้าอก มันสยิวแบบแปลกๆ มันเสียวซ่านไปทั้งร่างกาย เหมือนความรู้สึกบางอย่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา

“อืม...” น้ำปั่นชอบจัง พูดอย่างไม่อายเลยว่ารู้สึกดีมากจริงๆ ยิ่งยามที่ฮ่องเต้ลากลิ้นจากริมฝีปาก ลงมาที่ซอกคอ ขบเม้มและจูบเบาๆ ตามผิวเนื้อของน้ำปั่น มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองรึเปล่านะ กับการจิกนิ้วลงบนโซฟาเสียแน่นแบบนี้

“ฮ่องเต้จ๋า...” ฮ่องเต้เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ พลางขยับตัวขึ้นมานอนคร่อมทับบนโซฟา ชายเสื้อที่ใส่ถูกแหวกออกจากกัน ฮ่องเต้ก้มหน้าลงจุมพิตที่หน้าอก ได้ยินเสียงหัวใจของน้ำปั่นมั้ย มันหน้าจะดังมากเลยนะ เพราะน้ำปั่นยังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของหัวใจตัวเองเลย
 
“ครับ... ที่รัก” น้ำปั่นไม่สนใจอะไรแล้วล่ะตอนนี้ ไม่สนว่าฮ่องเต้เป็นใคร ไม่สนว่าน้ำปั่นคือใคร ไม่สนว่ามันจะผิดถูก สิ่งเดียวที่น้ำปั่นสนใจมากที่สุด คือความรู้สึกของน้ำปั่น และความต้องการของฮ่องเต้

“รักมากเลยนะ... อื้อ” ร่างของน้ำปั่นสั่นสะท้านเพราะการขบเม้มของฮ่องเต้ ยอดอกถูกขบและเม้มจากริมฝีปากของคนที่คร่อมทับอยู่บนร่าง แรงดูดเบาๆ ทำเอา  น้ำปั่นหวิวไปทั้งร่าง จิกเล็บลงบนโซฟาอย่างแรง ขาแข้งถูกันไปมาเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น

“เต้รู้แล้วครับว่าน้ำปั่นรัก...” น้ำปั่นได้ยินผิดไปหรือเปล่า เหมือนว่าฮ่องเต้จะไม่ได้แทนตัวด้วยป๊า แต่แทนตัวด้วยชื่อของตัวเอง ตอนนี้ในหัวมันเริ่มขาวโพลนไปหมด น้ำปั่นก็แค่เด็กน้อยที่อวดดีสินะ แค่ถูกสัมผัสแค่นี้ก็เบลอไปหมด แล้วเมื่อไหร่จะโตพอที่จะมอบความสุขให้กับฮ่องเต้ได้นะ

ริมฝีปากหยุ่นๆ ค่อยๆ ลากไล้ลงมาที่หน้าท้อง ลิ้นที่ลากไล้ไปทั่วทำให้น้ำปั่นหายใจไม่สะดวก มันติดขัด มันดูผิดปกติไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลยยกมือขึ้นมาก่ายทับที่ดวงตา หอบหายใจระรัวด้วยความรู้สึกที่ตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
ฮ่องเต้ปลดกระดุมกางเกงให้และรูดซิปลงต่ำ ยามที่ริมฝีปากของฮ่องเต้จุมพิตลงบนส่วนที่ถูกปิดซ่อนอยู่นั้น น้ำปั่นรู้สึกหวิวไหวราวกับหัวใจจะหยุดเต้น ร่างของน้ำปั่นถูกจับยกขึ้นเล็กน้อย กางเกงถูกดึงลงต่ำจนสุดปลายเท้า
 
น้ำปั่นเขินจนไม่กล้ามองสิ่งใด รู้แค่เพียงถูกจับเรียวขาแยกออกจากกัน น้ำปั่นยื้อเอาไว้เล็กน้อย แต่จุมพิตที่สัมผัสลงมาที่เนื้ออ่อนๆ ของต้นขาทางด้านใน ทำให้น้ำปั่นไม่อาจจะทานความต้องการของตนเองไหว
 
“ขอสัมผัสนะครับคนดี...” หัวใจเต้นตึกตักระรัว ดังจนน่ากลัวมากจริงๆ น้ำปั่นพยักหน้ารับอย่างไม่คิดจะลังเล แต่ก็ยังไม่กล้ามองดูสิ่งที่กำลังเกิด ทันทีที่สัมผัสเย็นๆ จากลิ้นของฮ่องเต้แตะลงมายังส่วนอ่อนไหวของน้ำปั่น ร่างทั้งร่างก็สะท้าน น้ำปั่นรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัว

นี่น้ำปั่นกำลังถูกสัมผัสที่ส่วนนั้นด้วยปากของฮ่องเต้ มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา ตอนนี้เราก้าวข้ามเส้นขีดกั้นอีกหนึ่งเส้นแล้วใช่มั้ย หัวใจของน้ำปั่นสั่นจนน่ากลัว ยิ่งลิ้นละเลงลงมาระรัว ยิ่งทำให้น้ำปั่นแทบจะเป็นบ้า
 
มันทรมาน มันมีความสุข แต่มันก็ปั่นป่วนจนสับสนไปหมด ตกลงแล้วน้ำปั่นรู้สึกอะไรกันแน่นะ

“อื้อ...ฮ่องเต้ น้ำปั่น... รู้สึกดีจัง” ขอแค่เป็นฮ่องเต้ ไม่ว่าจะทำอย่างไร น้ำปั่นก็ไม่คิดรังเกียจ เพราะว่ารัก รักมากจริงๆ

“ฮะ...ฮ่องเต้” ว่าสัมผัสจากลิ้นทำให้หวิวไหวจนแทบจะเป็นบ้าตาย มันยังเทียบไม่ได้กับสัมผัสจากปากที่ครอบครองส่วนนั้นเอาไว้ น้ำปั่นเหมือนคนกำลังจะตาย หัวใจเต้นอย่างน่ากลัว ร่างกายบิดไปมาเพราะความรู้สึกเสียวซ่านที่เล่นงานจนทานทนแทบไม่ไหว

“อ๊า... ฮ่องเต้จ๋า” ไม่ไหวแล้ว น้ำปั่นทรมานจัง แต่ก็มีความสุขด้วย น่าแปลกจัง ทำไมทรมานแบบนี้ แต่ทำไมถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ก็ไม่รู้

“อื้อ...” ส่วนนั้นของน้ำปั่นยังคงอยู่ในปากของฮ่องเต้ ยังคงถูกขยับอย่างสม่ำเสมอ และเริ่มเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างทั้งร่างบิดไปมาด้วยความทรมาน มันเหมือนว่ามีบางอย่างแล่นไปมาอยู่ที่ท้อง มันปั่นป่วนจนเหมือนจะมีบางอย่างระเบิดออกมาให้ได้
 
“อ๊ะ... อ๊ะ... อื้อ” น้ำปั่นต้องใช้มือปิดปากกันเสียงน่าอายของตัวเองเอาไว้ เสียงที่แสนสั่นพร่าและดูกระเส่าอย่างน่าอาย แต่ฮ่องเต้กลับเอื้อมขึ้นมาดึงมือของน้ำปั่นออก
 
“ฮะ ฮ่องเต้ มัน... น่าอาย” น้ำปั่นไม่ไหวแล้ว บางอย่างเหมือนจะปะทุออกมาจากส่วนนั้น ยิ่งฮ่องเต้เร่งจังหวะเท่าไหร่ น้ำปั่นยิ่งทรมานมากเท่านั้น
 
“ไม่เห็นจะน่าอายสักนิด ออกจะน่ารัก...” ฮ่องเต้ถอนริมฝีปาก และขยับตัวขึ้นมานอนนาบทับร่างของน้ำปั่น แต่ทว่ามือหนากลับทำหน้าที่แทนอย่างต่อเนื่อง
 
“อื้อ น้ำปั่น... อ๊า” ได้แต่ส่งเสียงดังอื้ออึงในลำคอ เพราะถูกฮ่องเต้จูบปิดปากอย่างดูดดื่ม ลิ้นที่สอดเข้ามาไล่เกี่ยวพันกับลิ้นของน้ำปั่นอย่างท้าทาย น้ำปั่นจะตายแล้วจริงๆ ความรู้สึกนี้ใช่มั้ยที่สงสัยมาตลอด ว่ามันจะเป็นยังไงถ้าถูกฮ่องเต้สัมผัส
 
“รักนะครับ เต้รักน้ำปั่นที่สุด” เสียงที่กระซิบบอกก็สั่นพร่าไม่ต่างกัน น้ำปั่นไม่ไหวแล้ว ความรู้สึกมันบอกว่าจะทนไม่ไหวอีกแล้ว และยามที่ถูกฮ่องเต้เร่งจังหวะด้วยมือหนาแบบหนักๆ อีกครั้ง ทุกอย่างมันก็ถูกปลดปล่อยออกมาจนหมด

“อื้อ...” มีความสุขจัง ความทรมานหายไปจนหมดแล้ว ฮ่องเต้ขยับส่วนนั้นของน้ำปั่นเบาๆ ช้าลง จนสุดท้ายน้ำปั่นก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ความรู้สึกได้รับการปลดปล่อยมันเป็นอย่างนี้เองสินะ ความรู้สึกแบบนี้มันดีจัง...

ไม่มีบทสนทนาใดๆ มีเพียงเสียงของลมหายใจที่หอบเหนื่อยจากเราทั้งคู่     น้ำปั่นถูกนอนทับด้วยร่างที่หนักแสนหนักของฮ่องเต้ แต่น้ำปั่นกลับรู้สึกดี มีความสุข และโอบกอดฮ่องเต้เอาไว้แน่น ไม่อยากห่างจากสุดที่รักเลย

“รักฮ่องเต้นะ” บอกรักด้วยเสียงที่เบาหวิว สติมันพร่าเลือนและเริ่มล่องลอย เปลือกตามันดูหนักจนไม่อยากจะทานเอาไว้ น้ำปั่นค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ได้ยินเสียงของฮ่องเต้แบบเบาๆ แต่ชัดเจน
 
“รักจนไม่รู้ว่าจะหยุดรักได้ยังไงแล้วครับ...”


……….............

No comments:

Post a Comment